(เพิ่มเติม) กองทรัสต์ HREIT เพิ่มทุนครั้งที่ 1 หนุนขนาดทรัพย์สินโตเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1 หมื่นลบ. คาดเข้าลงทุนได้ปลายปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 21, 2017 18:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.กาญจนา เอื้อโอบอ้อม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราช รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติให้กองทรัสต์ HREIT เพิ่มทุนครั้งที่ 1 มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 1,690 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่มีการเพิ่มทุนในครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ขนาดทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ HREIT เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 10,000 ล้านบาท จากเดิมที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกันการลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ จะส่งผลให้ผู้ลงทุนได้ประโยชน์จากการที่กองทรัสต์มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายหน่วยลงทุน และช่วยเพิ่ม economy of scale ในการบริหารจัดการซึ่งจะเกิดประโยชน์ร่วมกับผลประกอบการของกองทรัสต์อีกด้วย

สำหรับการเพิ่มทุนในครั้งนี้ของกองทรัสต์ HREIT จะลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารโรงงานและคลังสินค้า ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชจำนวน 5 โครงการ โครงการนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) (ESIE) โครงการนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (HESIE) โครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชสระบุรี(HSIL) โครงการนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี (HCIE) และ โครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์ค 4 (HLP4) โดยมีพื้นที่เช่าอาคารทั้งหมดในส่วนที่กองทรัสต์ HREIT จะลงทุนเพิ่มเติมประมาณ 55,131 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 261,314 ตารางเมตรใน 6 โครงการที่กระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและระยอง

น.ส.กาญจนา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่กองทรัสต์ HREIT ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) ครั้งที่ 1 ประจำปี 2560 แล้ว จะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต่อไป ทั้งนี้คาดการเพิ่มทุนครั้งนี้จะสามารถเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมได้ภายในปลายปีนี้

สำหรับผลประโยชน์ที่กองทรัสต์ HREIT จะได้รับจากการเพิ่มทุนนั้น กองทรัสต์จะได้ทรัพย์สินที่มีคุณภาพดี และมีอัตราการเช่า 100% ของพื้นที่เช่า มีศักยภาพในการสร้างรายได้สูง โดยจะช่วยทำให้รายได้ค่าเช่า และผลประกอบการของกองทรัสต์ HREIT มีความมั่นคงเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระจายความเสี่ยงของการจัดหาประโยชน์ เพิ่มช่องทางความหลากหลายของผู้เช่า รวมถึงเป็นการช่วยลดการพึ่งพาแหล่งรายได้ของกองทรัสต์ HREIT เพราะเป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ จากประมาณการการปันส่วนกำไร และการแบ่งส่วนทุน (Projected Cash Distribution per Unit) ตามประมาณการงบกำไรขาดทุนตามสมมติฐานสำหรับปี 2561 คาดว่าผู้ถือหน่วยจะได้รับผลตอบแทนในกรณีมีการลงทุนเพิ่มเติมไม่ด้อยไปกว่ากรณีที่ไม่มีการลงทุน ทั้งนี้ ในด้านทำเลที่ทรัพย์สินตั้งอยู่มีความหลากหลายมากขึ้นอยู่ในบริเวณ Eastern Seaboard ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมหลักของประเทศ และอยู่ในสระบุรีที่เป็น Strategic location ของอุตสาหกรรมเช่นเดียวกัน

ล่าสุด กองทรัสต์ HREIT ได้จ่ายปันผลในอัตราหน่วยละ 0.2647 บาท เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ และคาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้อย่างต่อเนื่องตามนโยบายของกองทรัสต์ที่คาดว่าจะจ่ายปันผล ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว

บริษัทยังมั่นใจว่าผลตอบแทนเงินปันผลของผู้ถือหน่วยกองทุน HREIT จะไม่ต่ำกว่าผลตอบแทนเงินปันผลในปัจจุบันที่ 0.76 บาท/หน่วย/ปี โดยคาดว่าผลตอบแทนเงินปันผลหลังจากการนำสินทรัพย์ใหม่ที่อยู่ไนนิคมอุตสาหกรรมของเหมราช จำนวน 5 โครงการ พื้นที่ 55,131 ตารางเมตร ขายเข้ากอง HREIT แล้วจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 0.77 บาท/หน่วย/ปี

ด้านนายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และการลงทุนต่างประเทศ บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) ในฐานะผู้สนับสนุนกองทรัสต์ HREIT และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองทรัสต์ HREIT กล่าวว่า อาคารโรงงานและคลังสินสินค้าที่กองทรัสต์ HREIT จะลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ มีอัตราการเช่าพื้นที่ 100% ของพื้นที่เช่า และ HEMRAJ จะชดเชยรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการของห้องว่างเป็นระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่กองทรัสต์ HREIT เข้าลงทุนในแต่ละครั้ง

การชดเชยรายได้ดังกล่าวจะช่วยลดความผันผวนในการดำเนินธุรกิจ และสร้างความมั่นคงของผลประกอบการของกองทรัสต์ HREIT และจะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายฝ่ายทุน (CAPEX) ให้แก่ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ HREIT จะลงทุนเพิ่มเติมเป็นระยะเวลา 5 ปี นอกจากนี้ บริษัทเหมราชฯ ยังคงนโยบายในการถือหน่วยทรัสต์ หลังการเพิ่มทุนรวมไม่น้อยกว่า 15%

ทำเลที่ตั้งทรัพย์สินของกองทรัสต์ HREIT ที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ ตั้งอยู่ในนิคมของเหมราชฯซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งเป็นพื้นที่ของโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor –EEC ) ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน การขนส่งของภูมิภาค และจังหวัดสระบุรี อันเป็นยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรมหลักของประเทศไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค ยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทุกๆ 12-18 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์การขายสินทรัพย์เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดอายุไปจนถึงปี 68 มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสมของประเภทสินทรัพย์ที่จะนำมาขายเข้ากอง HREIT

ด้านภาพรวมของอุตสาหกรรมในอนาคตมองว่ายังมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นได้อย่างมาก จากการที่ภาครัฐผลักดันการพัฒนาโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะมีการลงทุนต่างๆตามมามากขึ้น ประกอบกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในทุกๆด้าน และการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาร่วมลงทุน ทำให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมในระยะยาวจะมีการเติบโตได้อย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าให้เช่า ซึ่งอยู่ในพื้นที่ EEC

"พื้นที่ส่วนใหญ่ของเหมราชอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ในจังหวัดชลบุรีและระยอง ทำให้ในอนาคตมูลค่าของสินทรัพย์ที่ขายเข้ากองและยังไม่ได้เข้าขายเข้ากอง HREIT มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น และมีอัตราการเช่าที่มากขึ้นตามลำดับ โดยปัจจุบันบริษัทมีที่ดินในมืออยู่ทั้งหมด 8,000 ไร่ และมีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าที่ยังไม่ได้ขายเข้ากอง HREIT ทั้งหมด 290,000 ตารางเมตร รวมสินทรัพย์ท 5 โครงการที่กำลังจะเตรียมขายเข้ากอง REIT พื้นที่ 55,131 ตารางเมตร"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ