บล.โกลเบล็ก ดึงมือดีรุกหนัก IB คืนชีพงาน IPO เสริมค่าคอมฯ หลังคาดมาร์เก็ตแชร์ปีนี้พลาดเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 3, 2017 10:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก (GBS) ในกลุ่ม บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) ประกาศแผนงานครึ่งปีหลังเพิ่มช่องทางการให้บริการที่หลากหลายมากขึ้นหลังทดแทนรายได้จากธุรกิจโบรกเกอร์ที่ทำท่าจะหดตัวลง โดยปลุกสัญญาณชีพสายงานวาณิชธกิจ (IB) ลุยขยายทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน โดยเฉพาะตลาด IPO พร้อมทั้งให้ความสำคัญกระแส Fintech ด้วยการนำเทคโนโลยีทางการเงินมาใช้ปรับรูปแบบการให้บริการสอดรับกับการลงทุน 4.0 แห่งโลกยุคดิจิตอลเพื่อประโยชน์ของนักลงทุนยุคใหม่

"ปัจจุบันธุรกิจหลักทรัพย์ถือว่ามีการแข่งขันสูง ทั้งเรื่องของบุคคลากร และค่าคอมมิชชั่น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ทำให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องมีการปรับตัว เพื่อหาจุดแข็งของตัวเอง โดยทางโกลเบล็ก ก็ได้มีการหารือกัน เพื่อหาทางออกจากปัญหาในปัจจุบัน ทั้งค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำลง และต้นทุนที่สูงขึ้น รวมถึงการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อหาจุดแข็งให้กับบริษัท"นายธนพิศาล กล่าว

นายธนพิศาล กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายผลประกอบการในปีนี้จะมีกำไรสุทธิ แม้ว่าไตรมาสแรกมีผลขาดทุนสุทธิอยู่แล้วที่ 0.29 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ (มาร์เก็ตแชร์) ปีนี้น่าจะทำได้ราว 2.5-2.6% จากเป้าหมายเดิมที่คาดจะทำได้ 3% เนื่องด้วยภาวะตลาดที่ยังคงทรงตัวและสภาพคล่อง อาจจะส่งผลต่อมาร์เก็ตแชร์ไปไม่ถึงเป้าหมาย

บริษัทมองว่ามาร์เก็ตแชร์ไม่ได้เป็นเป้าหมายหลัก แต่มองในเรื่องของรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก จากที่บริษัทจะมีการเพิ่มรายได้ของธุรกิจวาณิชธนกิจ, ธุรกิจนายหน้าในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) และอื่นๆ เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้จากค่าธรรมเนียมนายหน้าการซื่อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชั่น) ที่เป็นธุรกิจหลัก

ดังนั้น บริษัทจะมุ่งเน้นการหารายได้เพิ่มทั้งรายได้จากค่าที่ปรึกษาและค่าธรรมเนียมจากงานด้านต่าง ๆ ได้แก่ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนด้านวาณิชธกิจ ,ตราสารหนี้ (Bond) , ตราสารทุน (Equity Instruments) ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants : DW) , ตราสารสิทธิที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อหรือผู้ถือ (Options) , ตลาดรองตราสารหนี้ ,การลงทุนของฝ่ายค้าตราสารทุนและอนุพันธ์ (Proprietary Trading) , การหาลูกค้ากลุ่มเครดิตบาลานซ์เพื่อสร้างรายได้ส่วนดอกเบี้ย Margin Loan และธุรกรรม block Trade ของฝ่ายตราสารอนุพันธ์

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากค่าคอมมิชชั่นของลูกค้าสถาบันและลูกค้ารายย่อย ราว 80%, Prop Trade 10% และที่เหลือเป็นการอันเดอร์ไรท์หุ้นกู้ ขณะที่ภายใน 3-5 ปี บริษัทฯ อยากเห็นสัดส่วนรายได้จากค่าคอมมิชชั่นลดลงเหลือราว 50% และที่เหลือจะเป็นรายได้อื่นๆที่เข้ามาเสริม เช่น Prop Trade , จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (อันเดอร์ไรท์) , IB เป็นต้น ที่จะเข้ามาเติมเต็มส่วนที่เหลือ

พร้อมกันนั้น บล.โกลเบล็ก ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการซื้อขายในรูปแบบดิจิตอลเพื่อเป็น Platform ให้นักลงทุนมีทางเลือกเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งด้าน ออนไลน์ ทั้งหลักทรัพย์ และอนุพันธ์ เช่น I2Trade , Stock Radar รวมถึงระบบการซื้อขายอนุพันธ์โดยเฉพาะ หรือ MT4 ซึ่งช่องทางการซื้อขายดังกล่าวถือเป็นการตอบโจทย์ลูกค้า ที่มีความต้องการใช้บริการเทคโนโลยีด้านการลงทุนที่สะดวกรวดเร็ว

"เราจะเจาะฐานลูกค้าที่เป็นรีเทลมากขึ้น และการ IPO ที่จะเน้นหุ้นของ mai ไม่ว่าจะเป็นการทำบทวิเคราะห์ในหุ้น mai มากขึ้น โดยเราจะพยายามหาหุ้นที่มีการเติบโตเร็ว และมองหาฐานลูกค้าที่ต้องการเติบโตไปพร้อมกับเรา เพื่อเป็นการกระจายรายได้ ไม่พึ่งพิงรายได้ค่าคอมมิชชั่นมากเกินไป อีกทั้งการลงทุนในเรื่องของ Platform ต่างๆ ที่จะมาช่วยลูกค้ากรองข้อมูล การวิเคราะห์พฤติกรรมการเทรด และโมเดลกลยุทธ์ที่จะทำให้ลูกค้ามีกำไรได้มากขึ้น

ขณะที่อีกเรื่องที่เราจะทำ คือ การอันเดอร์ไรท์หุ้นกู้ ซึ่งเรามีทีมงานที่ค่อนข้างแข็งแรง โดยปีนี้อันเดอร์ไรท์ไปแล้วมากกว่า 5,000 ล้านบาท เราเชื่อว่าเราน่าจะเป็นจุดแข็งทางด้านนี้ ที่ทำให้บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรืออยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ ต้องการระดมทุนก็เข้ามาหาเราได้ โดยการเข้ามาก็จะสามารถต่อยอดได้อีกหลายทาง ทั้งการ IPO ,หาลูกค้า และการจับ Matching ขณะเดียวกันก็จะทำในเรื่องของตลาดรองหุ้นกู้ เพื่อน่อยอดกันและกัน และทำให้ตลาดใหญ่ขึ้น สามารถสร้างรายได้มากขึ้น"นายธนพิศาล กล่าว

พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการให้บริการใหม่ สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดต่างประเทศ โดยทางบล.โกลเบล็ก จะเป็นตัวกลางในการจับให้กับลูกค้า เข้าไปลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 61 เพราะจะต้องศึกษาอย่างรอบครอบในแง่ของกฎเกณฑ์ และผลตอบแทนค่าคอมมิชชั่นต่างๆ

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ฝ่ายวาณิชธนกิจ (IB) บล.โกลเบล็ก กล่าวภายหลังเข้ามาร่วมงานได้ราว 1 เดือนว่า ขณะนี้มีทีมงานแล้ว 6 คน และจะมีผู้เข้ามาร่วมงานเพิ่มอีก 1 คน จึงเชื่อว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่จะรับงานที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างน้อย 2-3 บริษัท/ปี นอกจากนี้ยังมีงานที่ปรึกษาฯ อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการควบรวมกิจการ เข้าซื้อกิจการ ซึ่งจะเข้ามาเสริมรายได้ของบริษัทฯ

"การเข้ามาในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะเข้ามาพัฒนาธุรกิจ IB ซึ่งเราก็มุ่งเน้นไปยังบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก เนื่องจากปัจจุบันในอุตสาหกรรมมีบริษัทขนาดกลางและเล็กที่ต้องการที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่งานของ FA หลายแห่งก็ค่อนข้างเต็ม จึงทำให้เราสามารถขยายตลาดตรงนี้ได้ ซึ่งจะช่วยให้ภาพรวมของบริษัทฯดีขึ้นด้วย เพราะมีรายได้จากส่วนของ IB เข้ามาเสริม จากที่ปัจจุบันมีรายได้หลักคือโบรกเกอร์ที่มีการแข่งขันสูง"นายเอกจักร กล่าว

ในปีนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 2 บริษัท ประกอบด้วย ธุรกิจโลจิสติกส์ ขนาดการระดมทุน 200-300 ล้านบาท และธุรกิจโรงพยาบาล ขนาดการระดมทุน 300-500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 บริษัทอยู่ในขั้นตอนในการเตรียมตัว และจะยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ได้ในช่วงปลายปี 60 คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาด mai ได้ในปี 61 รวมถึงจะพยายามยื่นไฟลิ่งธุรกิจเสาเข็มเพิ่มเติมอีกรายในปีนี้

นายเอกจักร กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย (SMEs) อีกจำนวนมากที่ต้องการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ จึงเป็นโอกาสของโกลเบล็กที่จะเข้าไปเสนองานเป็น FA ประกอบกับ บริษัทฯได้ให้ความสำคัญในการจัดทำบทวิเคราะห์ของกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนกลุ่มลูกค้าบริษัทใหม่ๆ ที่จะเข้ามาให้บริษัทรับงาน FA และเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ