KTBST มองหุ้นไทยวันนี้อาจรีบาวด์แต่ภาพรวมยังเสี่ยงขาลงหลังนลท.ปรับพอร์ตรับแผนลด QE

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 11, 2017 10:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้อาจมีการรีบาวด์กลับมา แต่ภาพรวมยังมีความเสี่ยงขาลง จากปัจจัยกดดันเรื่องการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางต่าง ๆ ซึ่งกลยุทธ์ลงทุนควรลดหุ้นที่ราคามีแนวโน้มลงต่อ ขณะที่หุ้นส่งออกแนวโน้มดีจากเงินบาทอ่อนค่า

ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯที่ออกมาดีเกินคาด ทำให้นักลงทุนกำลังปรับพอร์ตรับการขึ้นดอกเบี้ย และการลด QE ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอื่น ๆ (ยกเว้นญี่ปุ่น) อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลยุโรปและรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ 26 มิ.ย.เป็นต้นมา (US Gov. 30 yrs Bond Yield สูงขึ้นถึง 0.20%) แรงขายพันธบัตร มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอยู่บ้าง

แต่น่าจะได้เห็นคือค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งยังมองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกที่ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอยู่แล้ว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 43-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จนกว่าภาวะ oversupply จะเริ่มลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำทำให้มองเป็นบวกต่อผู้ผลิตปิโตรเคมีขั้นต้นหรือสายการบิน

ส่วนผลประชุม G20 ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นไทย คือ สหรัฐฯลดการใช้มาตรการภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมต่อออสเตรเลีย น่าจะลดแรงกดดันต่อสินค้าทั้งสองตัว และสหรัฐฯถอนตัวออกจากความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ โดยรวมแล้วผลออกมาดีต่อตลาดและสัปดาห์นี้น่าจะเห็นมาตรการตอบโต้เกาหลีเหนือบางอย่างออกมา

ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้อาจเห็นการรีบาวด์ของตลาดหลังผ่านวันหยุดมาแล้ว แต่การปรับพอร์ตของนักลงทุนรับการลด QE ผสมกับแรงขายหุ้นในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบลดลง และสถานการณ์เกาหลีเหนือจะทำให้ทิศทางตลาด ยังมีความเสี่ยงขาลงอยู่ โดยเฉพาะถ้าหลุดแนวรับสำคัญลงไป ในด้านเทคนิคแนวรับแรกของดัชนีฯ ที่สำคัญ 2 จุด คือ 1,566 และ 1,553 จุด ส่วนแนวต้านของสัปดาห์นี้ให้ไว้ที่ 1,583 จุด

"ด้วยตัวแปรในต่างประเทศที่ยังกดดันตลาดหุ้น ส่วนปัจจัยบวกในประเทศรับรู้มาระดับหนึ่งแล้ว กลยุทธ์ลงทุนจึงต้องเลือกทั้งสองด้านคือ ลดพอร์ตหุ้นที่ราคามีแนวโน้มลงต่อ หรือรอจังหวะซื้อหุ้น เมื่อดัชนีฯมีการฟื้นตัว เนื่องจากเรามองว่า Upside ของดัชนีฯ นั้นมีไม่มากนัก คือโอกาสผ่าน 1,590 ยังยากเพราะปัจจัยบวกไม่มากพอ นักลงทุนควรเพิ่มการถือเงินสดให้มากขึ้น ในระดับ 30-40%

โดยหุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มบวกสัปดาห์ เราให้ความสนใจกับ หุ้นกลุ่มส่งออก, หุ้นงบไตรมาส 2 ที่คาดจะออกมาดี และหุ้นมีข่าวบวก ให้เก็งกำไรช่วงสั้นสำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ HANA , SINGER, MTLS , BPP , PTTGC, TMT หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค: PTG, SCI, AMA"นายมงคล กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ