CPALL กำหนดอัตราดบ.หุ้นกู้วงเงิน 1 หมื่นลบ. ที่ 5% ต่อปีใน 5 ปีแรก เปิดขายส.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 11, 2017 12:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) เสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ วงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 5% ต่อปี ใน 5 ปีแรก หลังจากนั้นจะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยส่วนเพิ่ม จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท ผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ และบล.ภัทร โดยคาดว่าจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้เดิมรุ่น CPALL178A และ/หรือ CPALL248A ระหว่างวันที่ 7-9 ส.ค.60 และเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนทั่วไป ระหว่างวันที่ 16-18 และ 21 ส.ค.60

ทั้งนี้ CPALL ซึ่งเป็นผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัทซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีสิทธิเลื่อนการชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ของ CPALL ครั้งที่1/2560 มูลค่าไม่เกิน 10,000 ล้านบาท โดยผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิที่จะไถ่ถอนหุ้นกู้ดังกล่าวได้ก่อนกำหนด หลังครบอายุ 5 ปี หรือตามเงื่อนไขอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ในร่างหนังสือชี้ชวน

หุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB(tha) โดย บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 4 ก.ค.60

การออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯในครั้งนี้บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้สำหรับการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนและการรีไฟแนนซ์ (การออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อชำระ และ/หรือทดแทนหุ้นกู้เดิม) การชำระคืนหนี้เงินกู้ยืม และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัท

CPALL เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ 7-Eleven และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน MAKRO ปัจจุบันบริษัทมีร้านค้า 7- Eleven รวมทั้งสิ้น 9,788 สาขา (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560) โดยตั้งเป้าหมายใหม่ที่จะขยายสาขาให้ครบ 13,000 สาขาภายในปี 2564 ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 451,939 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิที่ 16,677 ล้านบาท ในปี 2559

ผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 60 อยู่ที่ 117,513 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,765 ล้านบาท เติบโต 17.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ A(tha) (Stable) โดย บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 23 ก.ย.59


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ