ทริสฯ จัดอันดับเครดิตองค์กร MIDA ที่ “BBB-" ด้วยแนวโน้ม “Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 11, 2017 15:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ไมด้า แอสเซ็ท (MIDA) ที่ระดับ “BBB-"

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงธุรกิจของบริษัทที่มีความหลากหลายตลอดจนประวัติผลงานในการดำเนินธุรกิจเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และผลกำไรที่สม่ำเสมอจากบริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทที่ดำเนินงาน โดยบริษัทย่อยคือ บมจ.ไมด้า ลิสซิ่ง (ML)

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงฐานรายได้ที่ค่อนข้างน้อยของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรม รวมทั้งแหล่งเงินทุนของบริษัทที่ไม่ค่อยมีความหลากหลาย นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัวซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของรายได้ของบริษัทในระยะสั้นถึงระยะปานกลางอีกด้วย

MIDA ก่อตั้งโดยนายกมล เอี้ยวศิวิกูลและนายธเนศ ดิลกศักยวิฑูรในปี 2534 ต่อมาบริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2546 และ ณ เดือนธันวาคม 2559 ครอบครัวตระกูลเอี้ยวศิวิกูลยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทด้วยสัดส่วนหุ้นที่ถือรวมกัน 27% และครอบครัวตระกูลดิลกศักยวิฑูรถือในสัดส่วน 12%

สถานะทางธุรกิจของบริษัทเกิดจากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย ได้แก่ ธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยในไตรมาสแรกของปี 2560 รายได้จากธุรกิจเช่าซื้อซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 70% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้จากธุรกิจโรงแรมและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สร้างรายได้เป็นสัดส่วน 16% และ 10% ของรายได้รวมของบริษัทตามลำดับ นอกเหนือจากธุรกิจหลักดังกล่าวแล้ว บริษัทยังมีรายได้จากการให้บริการเช่าดำเนินการสนามกอล์ฟและการให้บริการอื่น ๆ คิดเป็นสัดส่วน 4% ของรายได้รวมอีกด้วย

บริษัทมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดย ณ เดือนมีนาคม 2560 บริษัทให้บริการผ่านทั้งสาขาใหญ่และสาขาย่อย รวมทั้งสิ้น 91 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์โดยให้บริการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัทไมด้า ลิสซิ่ง และ บริษัท ไมด้า (ลาว) เช่าสินเชื่อ จำกัด ซึ่งบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 47% และ 60% ตามลำดับอีกด้วย

ณ สิ้นปี 2559 มูลค่าสินเชื่อคงค้างของบริษัทอยู่ที่ 3,597 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วผ่านบริษัทไมด้า ลิสซิ่ง จำนวน 75% ของสินเชื่อรวม สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 15% และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ผ่าน บริษัทไมด้า (ลาว) เช่าสินเชื่อ 10% บริษัทมีกระบวนการและเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่รัดกุมและมีการติดตามหนี้สินที่มีคุณภาพ ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระเกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทอยู่ในระดับเพียง 3%-4% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

บริษัทมีประวัติการดำเนินงานในด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มามากกว่า 10 ปี อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสร้างผลการดำเนินงานทางการเงินที่น่าประทับใจในระยะปานกลาง บริษัทเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบราคาระดับกลางถึงต่ำเป็นหลัก ณ เดือนมีนาคม 2560 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขายจำนวน 11 โครงการซึ่งมีมูลค่ารวม 4,365 ล้านบาท บริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการในจังหวัดนครปฐมและนนทบุรี ล่าสุดบริษัทกำลังพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ในจังหวัดนครปฐมและขอนแก่น

บริษัทเริ่มขยายกิจการไปยังธุรกิจโรงแรมเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาโดยได้ลงทุนจำนวนมากในโครงการโรงแรมในระหว่างปี 2558-2559 ปัจจุบันบริษัทบริหารโรงแรม 6 แห่ง รวมจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 822 ห้อง โดยโรงแรมเหล่านี้ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ กาญจนบุรี นนทบุรี นครปฐม และเพชรบุรี ธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทยังสร้างฐานรายได้ที่ค่อนข้างต่ำและต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ความสำเร็จอีกระยะหนึ่ง

บริษัทบริหารงานโรงแรมภายใต้แบรนด์ของตนเองคือ “ไมด้า" (MIDA) และ “เซ็น" (Xen) โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประชุมทางธุรกิจและกลุ่มสัมมนาที่ต้องการใช้ระบบแสงเสียง รวมทั้งพื้นที่ประชุมและจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ นอกจากนี้ บริษัทยังได้จ้าง “Redisson Blu" ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงแรมระดับสากล (International Hotel Chain) ให้เข้ามาบริหารกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่เน้นการพักผ่อนด้วย ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ในจังหวัดระยองซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2560 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นเป็น 9% ในปี 2559 และ 16% ในไตรมาสแรกของปี 2560 จาก 5%-7% ระหว่างปี 2555-2557

สถานะทางการเงินของบริษัทค่อนข้างอ่อนแออันเป็นผลจากการลงทุนจำนวนมากในโครงการโรงแรมในช่วงปี 2558-2559 แต่ก็คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทมีรายได้รวมทั้งกลุ่มธุรกิจจำนวน 2,200-2,500 ล้านบาทในช่วงปี 2556-2559 และ 546 ล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 อัตราส่วนกำไรของบริษัท (ซึ่งคำนวณจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ ปรับด้วยดอกเบี้ยจ่ายที่เป็นต้นทุนในการปล่อยสินเชื่อ) รักษาระดับอยู่ที่ 10%-12% ในช่วงปี 2556 ถึงปี 2559 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรสุทธิของบริษัทจะอยู่ในระดับ 12%-14% ในช่วงปี 2560-2562 จากธุรกิจโรงแรมที่จะสร้างผลกำไรที่สูงขึ้น

บริษัทมีฐานทุนที่ค่อนข้างแข็งแรง ทั้งนี้ บริษัทมีข้อกำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้นกู้ที่ต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนไม่เกิน 2 เท่า ซึ่งบริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 0.8-0.9 เท่า ณ สิ้นปี 2558 จนถึงเดือนมีนาคม 2560 จากประมาณ 0.6 เท่าในช่วงปี 2555-2557 โดยในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับไม่เกิน 1 เท่าเมื่อพิจารณาจากแผนลงทุนของบริษัท

บริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอ โดยมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ระดับ 8.2% ในปี 2559 และ 8.25% ในไตรมาสแรกของปี 2560 (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายรักษาระดับอยู่ที่ 3 เท่าในระหว่างปี 2556-2559

สภาพคล่องทางการเงินของบริษัท ณ เดือนมีนาคม 2560 ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดในมือจำนวน 68 ล้านบาทและวงเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารอีก 1,375 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินรับจากลูกหนี้ผ่อนชำระอีกเดือนละประมาณ 200 ล้านบาทซึ่งเพียงพอสำหรับการชำระหนี้ที่จะครบกำหนดใน 12 เดือนข้างหน้าประมาณ 1,700 ล้านบาท

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดและผลประกอบการทางการเงินของธุรกิจหลักเอาไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้ บริษัทจะสามารถก่อสร้างโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ให้แล้วเสร็จและส่งมอบได้ตามแผน

อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มหากบริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและยกระดับสถานะทางการแข่งขันให้สูงขึ้นโดยที่ยังสามารถรักษาผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานหรือคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ