นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกกองทุนรวมผสมประเภทเน้น Income อีก 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เวิลด์อินคัม (SCBWIN) มีมูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 11-17 กรกฎาคม 2560 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมที่เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ,ตราสารหนี้ ,กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ
เพื่อสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนในเรื่องการรับรายได้ระหว่างทาง ซึ่งกองทุนอาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามความเหมาะสมสำหรับภาวะการณ์ในแต่ละขณะ
ทั้งนี้ กองทุนประเภท Income เป็นกองทุนที่สามารถทยอยลงทุนได้ในทุกช่วงสภาวะของตลาดและเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ เนื่องจากจะมีสัดส่วนของการลงทุนในหุ้นผสมอยู่ โดยกองทุนประเภทนี้เหมาะที่จะเป็นกองทุนหลักในพอร์ตการลงทุน เพราะมีการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์และมีความผันผวนต่ำกว่าหุ้น แต่มีโอกาสการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาวสูงกว่าตราสารหนี้
สำหรับกองทุน SCBWIN จะเน้นลงทุนในกองทุนต่างประเทศ BGF Global Multi-Asset Income ที่บริหารจัดการโดย BlackRock บริษัทจัดการกองทุนสัญชาติสหรัฐอเมริกา เป็นผู้บริหารสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลกรวมมูลค่ากว่า 5.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก และอยู่ภายใต้ UCITS โดยกองทุนจะลงทุนในกองทุนดังกล่าวเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
กองทุน BGF Global Multi-Asset Income มีนโยบายการลงทุนในหลายสินทรัพย์แบบยืดหยุ่น ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้แบบไม่มีข้อจำกัดตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนและตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ เน้นสร้างผลตอบแทนโดยมีเป้าหมายในการจ่ายกระแสเงินสดจากการลงทุนประมาณ 4-6% ต่อปี ในขณะที่คุมความผันผวนของพอร์ตให้อยู่ที่ประมาณ 4-5% ต่อปี โดยประเภทสินทรัพย์ที่ลงทุน ได้แก่ ตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก อาทิ Mortgage-backed securities, REITs, Floating rate loans เป็นต้น
กองทุน BGF Global Multi-Asset Income เป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 5.22% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 9.14% พอร์ตการลงทุนปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนใน US Fixed Income 42.66%, Non-US Fixed Income 22.28%, US Equity 14.80% และ Non-US Equity 13.33% (ข้อมูลBlackrock ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2560)
กองทุน SCBWIN มีจุดเด่นคือ กองทุนจะรับซื้อคืนอัตโนมัติหน่วยลงทุน (Auto redemption) จากผู้ถือหน่วยลงทุนไม่เกินปีละ 12 ครั้ง และยังเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนในการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในหลายประเภทสินทรัพย์ทั่วโลกที่มีแนวโน้มการจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ
“เรามั่นใจว่ากองทุน SCBWIN จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่เน้นผสมสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากสามารถสร้างรายได้ระหว่างทางพิสูจน์ได้จากความสำเร็จของกองทุนกลุ่ม Income ที่บริษัทได้ทยอยออกมาก่อนหน้านี้ เช่น SCBPLUS, SCBGPLUS, SCBGIN และ SCBMPLUS ต่างเป็นที่ต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม จนมีเงินไหลเข้ากองทุนประเภทนี้ประมาณ 77,000 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก 2560 (ณ 30 มิถุนายน 2560)"นายสมิทธ์ กล่าว