ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,576.61 จุด เพิ่มขึ้น 0.76 จุด (+0.05%) มูลค่าการซื้อขาย 19,797.66 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,578.96 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,574.71 จุด
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก และเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราได้รับแรงกดดันจากกลุ่มแบงก์ หลังจากที่แบงก์ใหญ่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 ออกมาไม่แข็งแกร่งมากนัก จากตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น โดยส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการตั้งสำรองฯกรณีหนี้ EARTH ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มสื่อสารแรงซื้อยังไม่มากนัก มีเพียงกลุ่มโรงกลั่น และกลุ่มปิโตรเคมีที่ช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง จากที่คาดการณ์ว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 น่าจะออกมาดี
ทั้งนี้ ผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ออกมาในวันนี้เป็นไปตามที่คาดไว้คือ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อหวังกระตุ้นกำลังซื้อต่อ ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ให้รอดูคืนนี้ โดยเฉพาะให้จับตาว่าจะส่งสัญญาณการปรับลด QE หรือไม่ เพราะหากปรับลด QE ก็จะมีผลทำให้เงินทุนไหลออกอีกรอบ
อย่างไรก็ดีสามารถเลือกเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัวได้ โดยที่น่าจะสนใจคือ กลุ่มลีสซิ่ง และกลุ่มโรงแรม ที่ยังดูดีต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ ยังคงได้รับแรงกดดันจากเงินบาทแข็งค่าอยู่
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายธีรวุฒิ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะซึม พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,573-1,580 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,908.76 ล้านบาท ปิดที่ 50.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
BGRIM มูลค่าการซื้อขาย 1,370.12 ล้านบาท ปิดที่ 17.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 911.50 ล้านบาท ปิดที่ 196.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 688.67 ล้านบาท ปิดที่ 18.20 บาท ลดลง 0.30 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 634.98 ล้านบาท ปิดที่ 152.50 บาท ลดลง 1.00 บาท