ตลาดหลักทรัพย์ปิดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,575.28 จุด ลดลง 0.57 จุด (-0.04%) มูลค่าการซื้อขาย 41,763.05 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,578.96 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,574.71 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 469 หลักทรัพย์ ลดลง 610 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 464 หลักทรัพย์
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีฯปรับตัวลดลง จากแรงขายหุ้นในกลุ่มแบงก์กดดัน หลังแบงก์ใหญ่ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นบางตัว ช่วยประคองตลาดไม่ให้ปรับลงมากนัก
ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยบางตลาดในเอเชียรับปัจจัยหนุนจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) นายศราวุธ คาดว่า ดัชนีฯคงจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยปัจจัยที่จะเข้ามาหนุนตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มองว่าเป็น แนวโน้มการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่หลังจากนี้คาดว่าการฟื้นตัวจะอยู่ในอัตราที่ชะลอตัว แต่ถือว่ายังเป็นบวกต่อภาคการส่งออกไทยได้ และน่าจะสร้างความมั่นใจให้กลับมาได้ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยังต้องติตดามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในช่วงค่ำนี้ ที่ตลาดคาดว่ามีโอกาสปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปเพิ่มขึ้น และต้องติดตามการส่งสัญญาณการยกเลิกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในยุโรป ซึ่งตลาดคาดว่าจะมีโอกาสเห็นความชัดเจนมากขึ้นในเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้
พร้อมให้แนวต้าน 1,580 จุด แนวรับ 1,570 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BGRIM มูลค่าการซื้อขาย 3,623.54 ล้านบาท ปิดที่ 18.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,371.19 ล้านบาท ปิดที่ 50.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,566.77 ล้านบาท ปิดที่ 195.50 บาท ลดลง 3.00 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,456.86 ล้านบาท ปิดที่ 18.10 บาท ลดลง 0.40 บาท
TPIPP มูลค่าการซื้อขาย 1,255.52 ล้านบาท ปิดที่ 7.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท