นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up โดยตลาดฯมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้จากราคาน้ำมันที่รีบาวด์ขึ้น และตลาดต่างประเทศเช้านี้ต่างก็รีบาวด์กันทั่วหน้า ยกเว้นตลาดหุ้นไต้หวันที่ติดลบ
อย่างไรก็ดี มองว่าคงเป็นแค่การเทรดดิ้ง โดยอิงการคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่จะทยอยประกาศออกมา โดยสัปดาห์นี้ก็จะมีงบฯของ SCC, ADVANC, PTTEP ซึ่งมีโอกาสที่จะหนุนดัชนีฯได้ในช่วงสั้น ทั้งนี้ตลาดฯยังรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีขึ้นในวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ด้วย เบื้องต้นคาดว่าน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ย แต่ที่ตลาดฯติดตามเป็นเรื่องช่วงเวลาการปรับลดงบดุลของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะเริ่มในเดือนก.ย.หรือเดือนธ.ค.ปีนี้
ทั้งนี้ มองว่าตลาดฯคงจะเป็นแค่การรีบาวด์ในช่วงสั้น เพราะยังไม่มีปัจจัยหนุน พร้อมให้แนวรับ 1,573 จุด ส่วนแนวต้าน 1,583 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,513.17 จุด ลดลง 66.90 จุด (-0.31%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,410.81 จุด เพิ่มขึ้น 23.05 จุด (+0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,469.91 จุด ลดลง 2.63 จุด (-0.11%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 3.89 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.46 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 0.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 6.14 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.77 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.49 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.01 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ก.ค.60) 1,576.73 จุด เพิ่มขึ้น 3.22 จุด (+0.20%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 793.91 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ก.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ก.ค.60) ปิดที่ 46.34 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ หรือ 1.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ก.ค.60) ที่ 7.88 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.45 กลับมาอ่อนค่าหลังมีแรงซื้อดอลล์ มองกรอบวันนี้ 33.40-33.50
- สนข.เผยรัฐไม่ได้สั่งให้เดินหน้าเชื่อมรถไฟความเร็วสูงระยองกับอยุธยา ตามข้อเสนอญี่ปุ่น คาดข้อเสนอมาช้าเกินไป ซ้ำซ้อนกับเส้นทางอื่น ขณะคจร.สั่งกทม.ลงทุนโครงการสายสีเขียวร่วมรัฐบาลเหตุเป็นโครงการท้องถิ่น
- "สมชัย สัจจพงษ์" เผยคลังเตรียมชงมาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อยให้ ครม. พิจารณาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ คาดใช้งบประมาณก้อนแรก 4 หมื่นล้านบาท ส่วนแผนจ่ายเงินสมบทแก่ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี ยังต้องรอพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม หวั่นให้การช่วยเหลือซ้ำซ้อน พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของคนจน 1.3 ล้านราย มูลหนี้ 8 หมื่นล้านบาท
- นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มการส่งออกยังคงซึมต่อเนื่อง 20 ปี การส่งออกไม่ได้กระเตื้องขึ้นอย่างตัวเลขที่เห็น เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีการปรับโครงสร้างการผลิตเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และไม่มีอำนาจต่อรองราคาสินค้ากับประเทศคู่ค้าได้ ไทยสูญเสียความสามารถด้านการแข่งขัน ไม่ว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะแข็งหรืออ่อนค่า ก็ถูกกดราคาสินค้าอยู่ดี
- ตลาดหลักทรัพย์เปิดผลวิจัยชี้ การเติบโตรายได้จากต่างประเทศของบจ.ไทยโตกว่า 8% สูงกว่าการเติบโตกว่ารายได้ในประเทศเท่าตัว ชี้กลุ่มทรัพยากรแชมป์ลุยนอก ด้านเอกชนหวัง ภาครัฐเปิดทางสนับสนุนการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ชี้ไทยยังไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน
- ผู้จัดการตลาดหุ้นไทย มองว่าไทยมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้งเหมือนปี 2540 เพราะเศรษฐกิจไทยมีพื้นฐานที่ดีโดยมีทุนสำรองระหว่างประเทศ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่าหนี้ต่างประเทศถึง 3 เท่า ขณะที่หนี้สาธารณะอยู่ในระดับต่ำเพียง 40% ยังอยู่ในกรอบการเงินการคลังที่ดี ขณะที่ภาคเอกชนยังมีสัญญาณการลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้น โดยในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนในตลาดฯมีผลประกอบการสูงถึง 20% และมีหนี้สินต่อทุนระดับที่เหมาะสมพร้อมทั้งมีจำนวนบจ.ที่ขยายการลงทุนไปต่างประเทศถึง198บริษัทจากทั้งหมด660 บริษัททำให้เชื่อว่ามีความแข็งแกร่งเพียงพอ
- ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 ก.ค.นี้ คลังจะเสนอ ครม.เห็นชอบกฎหมายลูกรองรับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย. 2560 ซึ่งการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่จะไม่กระทบผู้บริโภค หลังจากกฎหมายฉบับใหม่จะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณจากเดิมคำนวณจากราคาหน้าโรงงาน เป็นการจัดเก็บแบบราคาขายปลีก
*หุ้นเด่นวันนี้
- AP (ธนชาต)"ซื้อ" คาดกำไร 2Q60 เติบโตแข็งแกร่ง +18% y-y ขณะที่จะมีการเปิดคอนโดฯ เพิ่มขึ้นใน 3Q60 มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท เป็น catalyst ต่อราคาหุ้นระยะสั้น
- LH (ธนชาต)"ซื้อ" คาดกำไร 2Q60 +17% y-y และจะมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้า LHHOTEL REIT อีก 1 พันล้านบาท ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม 6.7%
- BH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 200 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q60 -6% Q-Q, +10% Y-Y เป็น 942 ล้านบาท โดยคาดรายได้โต Y-Y ครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส เพราะฤดูฝนมาเร็วและค่ารักษาพยาบาลขยับขึ้นตามการรักษาโรคซับซ้อน และคาดกำไรทั้งปีโตเพียง 7% Y-Y แต่ความสามารถในการสร้างอัตรากำไรที่สูงและฐานะทางการเงินรวมถึงกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
- KKP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 73 บาท ไม่กังวลต่อการชะลอของกำไร 2Q60 เพราะค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ไม่ต่อเนื่อง และคาดกำไรกลับมาฟื้นเร็วใน 3Q60 จากการรับรู้งาน IB แต่เพื่อสะท้อนสำรองฯที่มากกว่าคาดและการขาย NPA ที่ไม่สดใส จึงปรับกำไรปีนี้ลง 5% เหลือ 5.77 พันล้านบาท (+4% Y-Y) และปรับลดปันผลเหลือ 5 บาทต่อหุ้น จาก 6 บาทต่อหุ้น แต่ยังให้ผลตอบแทนสูง 7% ต่อปี
- EASON (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 4.50 บาท เจ้าตลาดสีรถจักรยานยนต์ในไทยด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงเกิน 40% ล่าสุดกระจายการลงทุนสู่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล APCON ที่เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 6.7% เป็น 21% ซึ่งจะรับรู้รายได้และกำไรเป็นปีแรก อีกทั้งโอกาสทางธุรกิจยังได้รับการสนับสนุนจาก “SPP Hybird Firm" พร้อมคาดกำไรปี 60 ที่ 107 ล้านบาท + 20.8%YoY จากกำลังการผลิตในเวียดนามที่เพิ่มขึ้นสู่ 1,200 ตัน/ปี ธุรกิจรับเหมาโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ดีเลย์การส่งมอบจากปี 59 มาเป็นช่วง 2H60