(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามภูมิภาคกังวลสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี-งบฯบจ.อ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 31, 2017 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่ปรับลง เนื่องจากเหตุการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ทำให้ตลาดฯ ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลง ทำให้เห็นว่า Fund Flow คงยังไม่ Support ในช่วงนี้

ทั้งนี้ รายงานข่าวล่าสุดระบุว่าเกาหลีเหนือออกมาส่งสัญญาณถึงความพร้อมจะกระทำการที่ยั่วยุเพิ่มขึ้นอีก หากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อกรณีที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ครั้งล่าสุดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

นายเทิดศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่แรงซื้อในประเทศก็คงจะแผ่วลง เนื่องจากผลกำไร (Earning) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 2/60 ออกมาไม่ดีเท่าไร โดยเท่าที่ประกาศออกมาแล้วก็ประมาณ 23% ของมาร์เก็ตแคปของตลาดฯ พบว่าผลงานหดตัวลงไป 17% qoq และ 28% yoy พร้อมให้แนวรับ 1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,830.31 จุด เพิ่มขึ้น 33.76 จุด (+0.15%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,374.68 จุด ขยับลง 7.51 จุด (-0.12%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,472.10 จุด ลดลง 3.32 จุด (-0.13%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 26.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 69.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 26.29 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.42 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.82 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 2.81 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ก.ค.60) 1,581.06 จุด ลดลง 2.11 จุด (-0.13%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 906.03 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ก.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ก.ค.60) ปิดที่ 49.71 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ก.ค.60) ที่ 8.03 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.37 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อน หลังความกังวลการเมืองสหรัฐฯกดดอลล์อ่อน
  • จีนส่งสัญญาณควบคุมการลงทุนในต่างประเทศของธุรกิจท้องถิ่นขนาดใหญ่ หวั่น กุมอำนาจ-อิทธิพลมากเกินไป ขณะที่ บีโอไอคาดปีนี้จีนขอส่งเสริมลงทุนในไทยขึ้นแท่นอันดับ 2 รองญี่ปุ่น เผย 6 เดือน ยอดขอบีโอไอโดยตรงจนมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท
  • ขณะนี้การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ใกล้จะแล้วเสร็จ คาดว่านำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจภายในเดือน ส.ค. และนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายในช่วง 2 เดือนนี้
  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) สรุปผลการประมูลประกอบกิจการเชิงพาณิชย์ภายในท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง สรุป กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ (KPS) เป็นผู้ชนะประมูล โดยเสนอผลตอบแทนให้ ทอท.สูงสุดที่ 17.65 ล้านบาท/เดือน
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินทั้งระบบ ณ สิ้นไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 4.17 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.95% ของสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 4.3 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่ 3.74 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.72% แต่เพิ่มขึ้นเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 4.05 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2.95% ของสินเชื่อรวม
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นจากปัจจุบัน โดยดัชนีเพิ่มจากเดือน มิ.ย. ที่ 50.7 ขึ้นมาเป็น 54.6 ในเดือน ก.ย. 2560 แม้สัดส่วนผู้ประกอบการจะมีมุมมองเชิงบวกลดลง เพราะเห็นว่าคำสั่งซื้อในภาคอุตสาหกรรมจะลดลง
  • สมาคมธนาคารไทยกำลังหารือแนวทางการลดค่าธรรมเนียมป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามที่รัฐบาลต้องการ แต่ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งทางธนาคารเห็นว่าปัญหาหลักไม่ใช่เรื่องค่าธรรมเนียมหรือค่าพรีเมียม การป้องกันความเสี่ยง แต่เป็นเรื่องความรู้ความเข้าใจผลิตภัณฑ์การเงินของเอสเอ็มอีมากกว่า

*หุ้นเด่นวันนี้

  • FOCUS-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น (FOCUS)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 31,679,999 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.80 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 7 ก.ค.60) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 29 ก.ย.60 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 6 ก.ค.63
  • PTTGC (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 84 บาท Laggard play ในกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นแกร่งนอกจากนี้กำลังการผลิตใหม่ที่รับเข้ามาจาก PTT จะเริ่มรับรู้กำไรตั้งแต่ H2/60 หนุนกำไรปีนี้ +43% ด้วย PE 10x และ เงินปันผล 5% คาดราคาหุ้นจะ outperform ตลาด
  • EPG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อลงทุน"เป้า 16 บาท ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ แต่ยังต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ย 10 สัปดาห์ที่ 12.36 บาท มากถึง 12% จึงเป็นไปได้ที่จะมีแรง cover short เข้ามาต่อเนื่อง สอดคล้องยอด short sales ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ พร้อมคาดกำไร Q1/61 (เม.ย.-มิ.ย.60) จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และจะค่อย ๆ เห็นการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ขณะที่ PE ปัจจุบันที่ 19 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 25 เท่า
  • SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 15.50 บาท คาดกำไร Q2/60 ที่ 131 ลบ. เพิ่มขึ้นถึง 62% Y-Y จากการเพิ่ม 4 แบรนด์ใหญ่ตั้งแต่ต้นปี, ยอดขายมือถือที่กลับมาโต, และกระแสขุดบิทคอยน์ที่หนุนยอดขายการ์ดจอและพาวเวอร์ซับพลาย เรามีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้นหากกำไรออกมาตามคาด ราคาปัจจุบันคิดเป็น PEG เพียง 1.2 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.8 เท่า
  • IRPC (โกลเบล็ก) เป้า Bloomberg Consensus 5.95 บาท คาดกำไรปกติในไตรมาส 2 สูงขึ้นหลังไม่มีหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น UHV เหมือนไตรมาส 1 คาดใช้กำลังการกลั่นเพิ่มจาก 190 KBD สู่ 200 KBD และจะเพิ่มเป็น 215 KBD ภายในปลายปี 61 หากปรับปรุงหอกลั่นแล้วเสร็จส่งผลให้รับน้ำมันดิบจากแหล่งหลากหลายได้ โดย Bloomberg คาดกำไรปี 60 ที่ราว 1.02 หมื่นล้านบาท โต 5%YoY อีกทั้งมีประเด็นบวกครึ่งปีหลังคาดโรงงานผลิต PP เฟส 2 แล้วเสร็จ Q3/60 ทำให้ผลิต Polypropylene (PP) ได้อีก 300 KTA รวม 700 KTA ซึ่งปัจจุบันเม็ดพลาสติก PP มีอัตรากำไรสูงเพราะวัตถุดิบราคาปรับตัวลง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ