นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ว่า ตลาดยังมีความไม่ชัดเจนเนื่องจากบางส่วนยังมีความกังวลต่อเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) ที่ยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน จึงยังไม่มีเม็ดเงินใหม่ๆเข้ามาในตลาดเพราะขาดปัจจัยบวกสนับสนุนรวมทั้ง ราคาหุ้นหลายๆตัวขึ้นมามาก ซึ่งในช่วงต้นสัปดาห์มีโอกาสที่ดัชนีฯ จะปรับตัวลงก่อน โดยประเมินกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,566 -1,590 จุด
ในสัปดาห์นี้ตลาดให้ความสนใจกับเรื่องอื่นของสหรัฐฯมากกว่า อาทิ การผ่านร่างกฎหมายด้านสุขภาพและการขยายเพดานหนี้ ที่จะมีผลไปถึงการออกกฎหมายด้านเศรษฐกิจตัวอื่นๆด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทิศทางค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าอยู่ต่อไป แสดงว่านักลงทุนมองลบต่อตลาดสหรัฐฯ ตลาดหุ้นต่างประเทศสัปดาห์นี้ จะพุ่งความสนใจไปที่ตัวเลขภาคการผลิต (PMI) ของสหรัฐฯ, จีน, ยุโรป ตัวเลขอ้ตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ยุโรป และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ รวมทั้ง ปฎิกิริยาของสหรัฐฯต่อการทดลองขีปนาวุธเกาหลีเหนือ
ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทเป็นอีกปัจจัยสำคัญ KTBST มองว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปอีก ที่ระดับเป็น 33.35 บาท/ดอลลาร์ ในช่วง 1-3 เดือนต่อจากนี้ เป็นผลจากแรงเทขายดอลลาร์ อันเป็นผลจากความกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะไม่สามารถผลัดดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ภายในปีนี้ ดังนั้นหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกจะมีความเสี่ยงมากขึ้น
นายวิน กล่าวว่า ดัชนี SET มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “รอซื้อเมื่อดัชนีฯอ่อนตัวลงมา" โดยการเลือกหุ้นควรเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประกอบการไตรมาส 2/60 หรือหุ้นที่ราคาลงมามาก เป็นต้น เลี่ยงหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก โดยไม่ปัจจัยบวกรองรับ เช่นหุ้น P/E สูง แต่กำไรหด เพราะหากดัชนีฯ ปรับตัวลงไปที่ 1,566 จุด อาจมีแรงขายหุ้นเหล่านี้อีกครั้ง
โดยหุ้นที่อาจต้องมีความระมัดระวัง หากตลาดที่การปรับฐานอีกรอบ จะเป็นหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นไปมาก อย่างเช่น AOT, TOP หรือโรงไฟฟ้าบางตัว เช่น GPSC ขณะที่หุ้นที่เราให้ความสนใจในการเข้าซื้อหากดัชนีฯมีการปรับฐาน หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ MAJOR และ SAT
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ อาทิ MAJOR , SAT , KTB, BEM , ORI หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค EPG, CBG, PYLON