โบรกฯเชียร์"ซื้อ" LH คาดกำไรสุทธิ Q2/60 โตอย่างมีนัยสำคัญได้ยอดโอนคอนโดฯใหญ่-กำไรพิเศษขายสินทรัพย์เข้า LHHOTEL

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 31, 2017 16:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) มองแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 เติบโตโดดเด่น คาดไว้ที่ 3.2-3.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% -32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเติบโต 80%-98% จากไตรมาส 1/60 (QoQ) จากการรับรู้รายได้ของโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการใหญ่ ได้แก่ 333 ริเวอร์ไซด์, เดอะ แบงคอก สาทร และเดอะรูม เจริญกรุง และมีกำไรพิเศษประมาณ 1.0-1.1 พันล้านบาทจากการขายโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL)

ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดย LH ยังคงแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.49 หมื่นล้านบาท จากในครึ่งปีแรก ได้เปิดไปเพียง 3 โครงการ มูลค่ารวมราว 5 พันล้านบาท ขณะเดียวกันมียอดขายรอโอน (Backlog) สูง โดยมียอดรอโอนในปี 60 อยู่ที่ 1.19 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/60 คาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษอีกครั้งจากดีลการเพิ่มทุนของบมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) ที่ประมาณ 1.1 พันล้านบาท

นอกจากนี้ LH เป็นหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลสูงราว 6-7% โดยมีการจ่ายเงินปันผล 2 ครั้งต่อปี ทำให้เป็นอีกจุดเด่นของ LH

ช่วงบ่ายราคาหุ้น LH อยู่ที่ 10 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 0.50% สวนตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลง 0.45%

          โบรกเกอร์                      คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          ทรีนีตี้                            ซื้อ                        12.15
          เอเซีย พลัส                       ซื้อ                        12.00
          ฟินันเซีย ไซรัส                     ซื้อ                        12.00
          กสิกรไทย                         ซื้อ                        11.60
          ฟิลลิปฯ                           ซื้อ                        11.00

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า LH มีผลการดำเนินงานโดดเด่นเมื่อเทียบกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่น โดยคาดว่า LH จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 ที่ 3.5 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 32.5% YoY และ 98.4% QoQ จากรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้ง YoY และ QoQ จากการรับรู้รายได้ของโครงการคอนโดมิเนียมใหญ่ 3 แห่งที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก 333 ริเวอร์ไซด์, เดอะ แบงคอก สาทร และเดอะรูม เจริญกรุง ทั้งนี้ในไตรมาส 2/60 หลายบริษัทอสังหาริมทรัพย์ กำไรจะอ่อนตัว YoY เพราะในไตรมาส 2/59 บริษัทอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตสูงสุดจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐทำให้มียอดโอนมาก

นอกจากนี้ คาดว่า LH จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริให้กับ LHHOTEL จำนวน 1.1 พันล้านบาท

"เราชอบ LH เพราะแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการดีขึ้นจากการปรับมูลค่าทางบัญชี ที่เป็นผลจากการขายหุ้นเพิ่มทุนของ LHBANK และแผนขายเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในสหรัฐอเมริกาที่ได้ราคาค่อนข้างดี ตอนนี้หุ้น LH เทรดบน P/E ระดับ 10 เท่า และยังได้รับผลดีจาก HMPRO , QH ซึ่งเป็นบริษัทลูก"นายประกิต กล่าว

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า LH เป็นหุ้นที่แนะนำซื้ออยู่แล้ว ราคาเหมาะสม 12 บาท/หุ้น เพราะเป็นหุ้นพื้นฐานเติบโตดี และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์สูง หากเทียบราคาปัจจุบันจะอยู่ระดับ 7% และจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง

อีกทั้งมองว่าแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตได้ดี นอกจากนี้ LH ได้มีการขายสินทรัพย์คือ โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ เข้ากอง LHHOTEL ในไตรมาส 2/60 คาดจะมีกำไรก่อนหักภาษี 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ กำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 ดีกว่าไตรมาส 1/60 แต่ถ้าเทียบกับไตรมาส 2/59 จะอ่อนตัวกว่า เพราะในปีก่อนมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์

นางสาวนวลพรรณ น้อยรัชชุการ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ในไตรมาส 2/60 LH จะมีกำไรพิเศษประมาณ 1 พันล้านบาทจากการขายโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ เข้ากองรีท LHHOTEL จะทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 จะเติบโตโดดเด่น

นอกจากนี้ คาดว่า LH จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล อัตราอย่างน้อย 0.30 บาท/หุ้น เทียบกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปีก่อนในช่วงเดียวกันอยู่ที่อัตรา 0.35 บาท/หุ้น โดยคาดจะมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงที่ระดับ 6-7%

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่า LH จะรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 ที่ 3.19 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% QoQ และเพิ่มขึ้น 21.4% YoY เนื่องจากจะมีการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายโครงการ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ เข้ากอง LHHOTEL และในไตรมาส 2/60 มีการโอนโครงการ 333 ริเวอร์ไซด์, เดอะ แบงคอก สาทร ต่อเนื่อง แม้ว่าในไตรมาส 2/60 จะมีโครงการเปิดใหม่เพียงโครงการเดียว แต่สามารถทำยอดพรีเซล รวมในครึ่งแรกปี 60 ได้เกือบ 50% ของเป้าหมายที่ 2.6 หมื่นล้านบาท และยังมีกำไรพิเศษในไตรมาส 3/60 จากดีลการเพิ่มทุนของ LHBANK อีกราว 1.1 พันล้านบาท โดยยังคงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมายเดิมที่ 12.15 บาท

LH ถือว่าเป็นรายที่มียอด Backlog สูง โดยมียอดรอโอนในปี 60 อยู่ที่ 1.19 หมื่นล้านบาท โดยที่เป็นสัดส่วนคอนโดมิเนียม 3 โครงการหลัก ได้แก่ 333 ริเวอร์ไซด์ ที่ 2.65 พันล้านบาท, เดอะ แบงคอก สาทร ที่ 3 พันล้านบาท และ the Key เจริญราษฎร์ที่ 1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มโอนในไตรมาส 3/60

โดยปีนี้ LH ยังคงแผนเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.49 หมื่นล้านบาท ซึ่งในครึ่งแรกปี 60 ได้เปิดไปเพียง 3 โครงการ มูลค่ารวมราว 5 พันล้านบาท แต่ทาง LH ก็ยังคงมั่นใจว่าในครึ่งหลังปี 60 สามารถ Speed Up การเปิดโครงการใหม่ให้ได้ตามเป้าที่วางไว้

"เราจึงยังไม่มีความกังวลต่อเป้าพรีเซล ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท และเรายังคงประมาณการรายได้ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิของปี 60 ที่ระดับเดิมที่ 8.31 พันล้านบาท โดยในไตรมาส 3/60 คาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษอีกครั้งจากดีลการเพิ่มทุนของ LHBANK ที่ประมาณ 1.1 พันล้านบาท"บทวิเคราะห์ทรีนีตี้ ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ