นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) เปิดเผยว่า การดำเนินงานของธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/60 โดยได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้ารายใหญ่ในทวีปอเมริกา และมีแนวโน้มได้รับคำสั่งซื้อสินค้าล็อตใหม่เพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากลูกค้ารายดังกล่าวมีศักยภาพและมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่ครอบคลุมทั่วโลก
นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับลูกค้าประเทศญี่ปุ่น ในการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในตลาดประเทศจีน ส่วนธุรกิจงานประมูล (Tender) ในต่างประเทศก็มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน หลังจากองค์กรในต่างประเทศมีการเปิดประมูลผลิตถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดย TNR ประสบความสำเร็จชนะงานประมูลที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยบวกจากราคายางพาราที่ปรับลดลง ส่งผลดีต่อต้นทุนน้ำยางพาราที่เป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักในการผลิตถุงยางอนามัย อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังคงติดตามสถานการณ์ราคายางพาราอย่างใกล้ชิด โดยมีแผนป้องกันความเสี่ยงหากราคาน้ำยางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวน
"ผลการดำเนินงานคาดว่าดีขึ้นในไตรมาส 2-4 ของปีนี้ตามลำดับ หลังจากมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ในทุกช่องทางการขายสินค้า ทั้งในส่วนของธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า ที่เป็นพอร์ตรายได้หลัก โดยการเพิ่มยอดขายจากลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ และการเพิ่มยอดขายจากธุรกิจงานประมูลให้แก่องค์กรในต่างประเทศ เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตขึ้น"นายอมร กล่าว
นายอมร กล่าวอีกว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมถุงยางอนามัยช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ประเมินว่าจะมีการเปิดประมูลงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังจากธุรกิจการประมูลชะลอตัวในปีที่ผ่านมา โดย TNR จะมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายในส่วนของธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้าในต่างประเทศและธุรกิจการประมูล ที่เป็นพอร์ตรายได้หลักของบริษัท รวมถึงวางแผนเพิ่มยอดขายถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ Onetouch ที่เป็นตราสินค้าของบริษัท ทั้งในประเทศไทยและทวีปเอเชีย โดยในประเทศไทยบริษัทยังคงมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 35% ภายในปี 63 เพื่อก้าวเป็นผู้นำตลาดถุงยางอนามัยในประเทศ