บลจ.ซีไอเอ็มบีฯ มองหุ้นไทย H2/60 ไซด์เวย์แม้ศก.โต แนะลงทุนรายตัว-กอง REITs ใน-ตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 9, 2017 11:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เปิดเผยว่า ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังของปีนี้จะเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ ถึงแม้เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ดีเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตามมุมมองของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 60 สามารถขยายตัวได้ 3.6% เติบโตจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 3.2%

"เรามองว่าแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ดี การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งการลงทุนภาครัฐยังคงสามารถเบิกจ่ายได้ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ด้านการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำเป็นอานิสงส์เชิงบวกในด้านต้นทุนการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการลงทุนภาคเอกชน ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องได้แรงหนุนหลักจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน มาเลเซีย และตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย แม้ว่าจะมีความผันผวนบางขณะ"

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นการลงทุนหุ้นรายตัว โดยเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นในกลุ่มการเงิน (เช่าซื้อ, สินเชื่อส่วนบุคคล) กลุ่มการแพทย์ ก่อสร้างและอาหาร เนื่องจากภาคธนาคารน่าจะปล่อยกู้น้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคต้องพึ่งพาเงินกู้จาก non-bank เพิ่มขึ้น และเป็นผลดีกับหุ้นในกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อหรือสินเชื่อส่วนบุคคล ขณะที่รัฐบาลยังจำเป็นต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับการขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

ขณะเดียวกัน การลงทุนใน Global REITs และ Thailand & Singapore REITs ในครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่าจะได้รับผลดีจากการขยายตัวของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก ซึ่งจะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อการปรับขึ้นอัตราค่าเช่าของ REITs โดยประเมินอัตราค่าเช่าของ Global REITs และ Thailand & Singapore REITs จะปรับขึ้น 4-5% และ 2-3% ตามลำดับ ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากค่าเช่า คาดว่าจะอยู่ที่ 3-5% และ 5-6% ตามลำดับ (จากผลการดำเนินงานวันที่ 30 มิ.ย 2560)

“ปีนี้กองทุนของเราหลายกองทุนในทุกกลุ่มประเภทตราสารทั้งกลุ่มตราสารหนี้ กลุ่มผสม กลุ่มหุ้น กลุ่มสินทรัพย์ทางเลือก สามารถสร้างผลงานได้ดี ทำให้ในปีนี้เราสามารถที่จะทำการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนได้ โดยทีมจัดการลงทุนของเรายังคงเน้นวินัยในการลงทุนที่เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกหลักทรัพย์ลงทุนรายตัว เน้นการลงทุนในหุ้นกำไรเติบโตและมีโอกาสอัตราการเพิ่มขึ้น มีอัตราเงินปันผลที่ดี รวมทั้งการเข้าลงทุนในจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จึงทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลการดำเนินงานที่ดี และทำให้กองทุนสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง และเราหวังว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้ต่อไปในอนาคต" นายจุมพล กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า จากที่ ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ได้จ่ายเงินปันผลและรับขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติจำนวน 8 กองทุนไปเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมานั้น ในส่วนของการบริหารกองทุนใหม่ที่เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ก็มีผลงานเป็นที่น่าพอใจ

โดยกองทุนเปิด ‘ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ไทย ไดนามิก อินคัม อิควิตี้’ หรือ CIMB-Principal Thai Dynamic Income Equity Fund (CIMB-PRINCIPAL TDIF) ที่จดทะเบียนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและธุรกิจมีแนวโน้มเติบโต หรือเป็นบริษัทที่มีประวัติจ่ายเงินปันผลที่ดี โดยกองทุนดังกล่าวสามารถผลการดำเนินงานที่ดีให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 2.05% และ 2.59% ตามลำดับ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) ซึ่งอยู่ที่ 1.12% และ 1.83% ตามลำดับ จึงกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งแรก (จากผลการดำเนินงานวันที่ 31 ม.ค - 30 มิ.ย 2560) ในวันที่ 7 สิงหาคม 2560 ที่อัตรา 0.27 บาทต่อหน่วย

ขณะที่ กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล รีทส์ หรือ CIMB-Principal Global REITs Fund (CIMB-PRINCIPAL GREITs) ที่เพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 โดยเป็นกองทุนประเภท Fund of Funds ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่เข้าลงทุนใน REITs ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน และจะลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน ไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินการที่เหมาะสมซึ่งให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 2.41% และ 3.51% ตามลำดับ เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) ซึ่งอยู่ที่ 2.21% และ 5.17% ตามลำดับ จึงกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งแรก (จากผลการดำเนินงานวันที่ 7 มี.ค - 30 มิ.ย 2560) ในวันที่ 8 สิงหาคม 2560 ที่อัตรา 0.36 บาทต่อหน่ว

“แม้ว่าภาพรวมการลงทุนช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ยังมีความผันผวนบ้าง แต่เราสามารถบริหารกองทุนที่เปิดตัวในปีนี้ได้เป็นอย่างดี โดยกองทุน CIMB-PRINCIPAL TDIF มีจุดเด่นเน้นลงทุนในหุ้นปันผลดีที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งคาดว่ากองทุนจะได้รับปัจจัยเกื้อหนุนจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวจากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการการใช้จ่ายภาครัฐในส่วนต่างๆ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจ ส่งผลโดยรวมต่อการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ส่วนกองทุน CIMB-PRINCIPAL GREITs นั้น ได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ส่งผลดีต่อการปรับขึ้นอัตราค่าเช่าของ REITs ซึ่งเป็นรายรับหลักของกองทุน" นายจุมพลกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ