AP เตรียมเปิด 18 โครงการใหม่ มูลค่า 2.88 หมื่นลบ.ช่วงที่เหลือของปี หนุนยอดขายปีนี้ทะลุเป้า 2.6 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 11, 2017 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) กล่าวว่า ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ (ส.ค.-ธ.ค.) บริษัทพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่อีกจำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 28,750 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบมากถึง 17 โครงการ มูลค่า 19,750 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ และทาวน์โฮม 10 โครงการ และคอนโดมิเนียมร่วมทุน 1 โครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะพร้อมเปิดพรีเซลระหว่างช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้

ทั้งนี้ การเปิดโครงการใหม่ดังกล่าว ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าจะผลักดันให้ยอดขายในปีนี้ทำได้เกินเป้าหมายที่ระดับ 26,000 ล้านบาทได้ หลังในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ทำยอดขายได้มากถึง 23,300 ล้านบาท เติบโตกว่า 76.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคิดเป็น 89.5% ของเป้าหมายยอดขายในปีนี้

ส่วนภาพรวมการร่วมทุนกับทางกลุ่มมิติซูบิชิ เอสเตล หนึ่งในผู้นำการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในประเทศญี่ปุ่น ตลอดที่ผ่านมา ได้ดำเนินพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกันทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 41,000 ล้านบาท สร้างยอดขายรวมได้มากถึง 80% และ 4 ใน 10 โครงการร่วมทุน ได้แก่ RHYTHM สุขุมวิท 36-38, Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง RHYTHM อโศก 2 และ Aspire สาทร-ท่าพระ ก่อสร้างแล้วเสร็จเริ่มส่งมอบแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ณ วันที่ 31 กรกฎาคม บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 34,500 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่า 3,820 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 30,680 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2564

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทมีรายได้รวมสูงถึง 10,593 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่รวมผลการดำเนินงานจากคอนโดมิเนียมร่วมทุนในสัดส่วน 51% กับทางกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท โดยแบ่งเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1 เท่ากับ 5,129 ล้านบาท และไตรมาส 2 เท่ากับ 5,464 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึง 23%

ด้านกำไรสุทธิครึ่งปีแรกเท่ากับ 1,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับกำไร 981 ล้านบาทในงวดปีก่อน สำหรับยอดขายครึ่งปีแรกบริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมได้มากเป็นอันดับที่ 2 ของธุรกิจหรือเท่ากับ 15,000 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ