SPORT คาดธุรกิจกลับมาสดใสในปี 63 รับโอลิมปิค-ฟุตบอลยูโร,ปรับกลยุทธ์สู่ดิจิตอลพร้อมโต

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 16, 2017 17:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสรายุทธ มหวลีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท (SPORT) เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตคาดว่าจะพลิกกลับมาสดใส (Turnaround) ได้อีกครั้งในปี 63 เนื่องจากจะเป็นปีที่วงการกีฬาจะมีความคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะจะมีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค 2020 ณ กรุงโตเกียว และมีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่งเป็นอีเว้นท์ขนาดใหญ่ของวงการกีฬา ซึ่งจะทำให้สื่อมี่เกี่ยวข้องกับกีฬาได้รับประโยชน์

ประกอบกับ บริษัทได้ทยอยปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างรายได้ชัดเจนและเข้าที่มากขึ้น โดยขณะนี้สัดส่วนรายได้จากสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อดิจิตอล อยู่ในสัดส่วน 80:20 จากเดิม 50:50 อีกทั้งบริษัทเชื่อว่าในปี 63 แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโตได้ดี ทำให้เมึดเงินโฆษณาจะกลับมาเติบโตได้อย่างมาก

กลยุทธ์เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตของบริษัทคือการทยอยเปลี่ยนธุรกิจหลักจากสื่อสิ่งพิมพ์ไปสู่ธุรกิจดิจิตอล โดยหัวหนังสือพิมพ์กีฬารายวันที่บริษัทมีอยู่ทั้งหมด 6 หัวจะค่อยๆ เปลี่ยนมาสู่รูปแบบดิจิตอล ที่เดินหน้าควบคู่ไปพร้อมกับเว็บไซต์ของสยามสปอร์ต คือ www.siamsport.co.th ซึ่งเป็นช่องทางดิจิตอลหลักในปัจจุบัน โดยจะนำจุดขายที่แตกต่างกันของแต่ละหัวหนังสือมานำเสนอ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เตรียมความพร้อมของทีมงานที่ทำหนังสือพิมพ์รายวันหันมาช่วยกันพัฒนาเนื้อหาของเว็บไซต์มากขึ้น

ขณะที่พันธมิตรทางธุรกิจในการรุกธุรกิจดิจิตอลของบริษัท คือ บีอิน สปอร์ต ที่ได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการในวันนี้ (16 ส.ค. 60) จะเป็นการสร้างความสนใจให้กับแฟนบอลของประเทศไทยที่จะสามารถรับชมไฮไลท์ฟุตบอล 4 ลีกดัง และ 2 ถ้วยยุโรป ผ่านทุกช่องทางการรับชม เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Traffic ของเว็บไซต์สยามสปอร์ตใหมเติบโตได้มากขึ้นอีก 20-30% และบริษัทจะเจรจากับบีอิน สปร์ต ในการต่อยอดคอนเทนต์อื่นๆ ที่บีอิน สปอร์ต มีอยู่เข้ามาเสริม ซึ่งลิขสิทธิ์ไฮไลท์ฟุตบอลของบีอิน สปอร์ต ที่ให้กับบริษัทเหลือระยะเวลาอีก 2 ปี (ปี 60-61)

นอกจากนี้ การผลิตคอนเทนท์ให้กับช่องโทรทัศน์ทีวีดิจิตอลยังคงเดินหน้าทำอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีการผลิตคอนเทนท์ให้กับพันธมิตรช่อง 5, 9, Nation TV, PPTV และ ไทยรัฐทีวี รวมไปถึงมีช่องทีวีที่ออกอากาศผ่าน True Vision จำนวน 3 ช่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหวทางการเจรจากับพันธมิตรในการทำคอนเทนท์กีฬาให้กับทีวีดิจิตอลเพิ่มเติม คือ มติชนทีวี เพื่อเป็นการขยายโอกาสการเพิ่มช่องทางนำเสนอคอนเทนท์ของบริษัท ซึ่งบริษัทจะเน้นการจับมือกับพันธมิตรที่มีช่องทางสื่อเพื่อเสริมศักยภลพซึ่งกันและกัน

นายสรายุทธ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมองไปถึงการพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นการต่อยอดยอดธุรกิจ เช่า อุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้ากีฬา น้ำดื่ม สถานออกกำลังกาย และโรงเรียนสอนกีฬา เป็นต้น เพื่อเป็นธุรกิจเสริม และตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจสื่อกีฬา ซึ่งจะเป็นรูปแบบการหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญมาเข้าร่วม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในอีก 2-3 ปี

เบื้องต้นหากเป็นสินค้าที่บริษัทจะผลิตออกมาจำหน่ายก็ได้มีการพัฒนาช่องทางเว็บไซด์อีคอมเมิร์ช ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนก.ย.นี้ เป็นช่องทางการขายสินค้า และเป็นช่องทางจำหน่ายตั๋วชมการแข่งกีฬาต่างๆ ซึ่งจะเป็นการนำร่องการจำหน่ายตั๋วในช่วงแรก ส่วนการขายสินค้าคาดว่าในช่วงแรกจะเป็นการนำสินค้าจากงาน Sport Expo เข้ามาจำหน่ายในเว็บอีคอมเมิร์ชของบริษัทก่อน

สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานของในปี 60 คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท และขาดทุนอยู่ที่ 358.04 ล้านบาท โดยปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานยังมาจากธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่หดตัวอย่างต่อเนื่อง และมีผลขาดทุนเกิดขึ้น ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุด ขณะที่ธุรกิจทีวี ดิจิตอล และอีเว้นท์ ยังสร้างกำไรที่ดี

อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่ารายได้โฆษณาปีนี้มีผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้การใช้เม็ดเงินโฆษณาลดลง และปีนี้วงการกีฬาไม่มีการแข่งขันรายการใหญ่ ทำให้ธุรกิจสื่อกีฬายังไม่สามารถกลับมาสดใสได้ และเป็นไปในทิศทางเดียวกับสื่อสิ่งพิมพ์ที่ค่อยๆหดตัวลง

นายสรายุทธ กล่าวว่า บริษัทยังเชื่อว่ายังมีผู้บริโภคอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปที่คุ้นเคยกับสื่อสิ่งพิมพ์จะยังใช้สื่อสิ่งพิมพ์ไนการรับข้อมูลข่าวสาร แต่ด้วยผลกระทบของสื่อดิจิตอลที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการปรับตัวตามไม่ทันในช่วงแรก ซึ่งบริษัทยังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างในส่วนนี้

แต่ในแง่ของเม็ดเงินโฆษณาที่เข้ามาในสื่อดิจิตอลมองว่ายังมีสัดส่วนที่น้อยหรือคิดเป็น 10% ของเม็ดเงินโฆษณาในปีนี้ราว 1 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่การใช้เม็ดเงินโฆษณาจะยังคงเน้นไปที่สื่อทีวีและสื่อสิ่งพิมพ์บางสื่อ ทำให้การบริการจัดการสื่อของบริษัทยังคงต้องทำควบคู่กันไปทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และดิจิตอล และมีการจัดงานอีเว้นท์เข้ามาเป็นรายได้เสริม ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังยังมีงานอีเว้นท์ที่เตรียมจัดอยู่อีก 7-8 งาน

ทั้งนี้ ในปี 60 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจทีวีอยู่ที่ 350-400 ล้านบาท ธุรกิจการจัดอีเว้นท์ 150-200 ล้านบาท ธุรกิจดิจิตอล 100 ล้านบาท และส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ในช่วงครึ่งปีแรกยังมีผลการขาดทุนเพิ่มขึ้นมาจากการบันทึกค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สูงขึ้น จากผลกระทบการเลื่อนอีเว้นท์และการเลื่อนโฆษณา ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากปลายปีก่อน และคาดว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้นจากครึ่งปีแรก จากการเดินหน้าปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ การรุกคอนเทนท์ด์จิตอลจากบีอิน สปอร์ต และการจัดอีเว้นท์ที่เพิ่มขึ้นเข้ามาสนับสนุน

ส่วนในปี 61 มองแนวโน้มผลการดำเนินงานมีโอกาสฟื้นตัว แต่จะยังไม่สดใสมากนัก มองว่าโอกาสที่รายได้โฆษณาจะเพิ่มมากขึ้นเพราะมีอีเว้นท์ของวงการกีฬาใหญ่จัดขึ้น 2 งาน คือ ฟุตบอลโลก 2018 และเอเชี่ยนเกมส์ 2018 ที จะช่วยเข้ามากระตุ้นความคึกคักของวงการสื่อกีฬา และมีเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้ามามากขึ้น รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นเป็นปัจจัยส่งเสริมการฟื้นตัว

"เราก็ค่อยๆ ปรับโครงสร้างธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะ ตอนนี้ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ยังเป็นแม่ที่คอยหนุนอยู่ แต่อีกสัก 2-3 ปีธุรกิจดิจิตอลก็จะพลิกเป็นแม่ที่หนุน และธุรกิจสิ่งพิมพ์จะเป็นลูกแทน เราก็ไม่ได้ตัดสื่อสิ่งพิมพ์ของเราออกไปเลย แต่เป็นการค่อยๆปรับเปลี่ยนไปตามอุตสาหกรรม ซึ่งสื่อสิ่งพิมพ์ค่อยๆหดตัวลง และเราก็จะค่อยๆเปลี่ยนหัวสื่อสิ่งพิมพ์ของเรามาเป็นรูปแบบดิจิตอลแทน ซึ่งตอนนี้เราอยากพัฒนาเว็บของสยามสปอร์ตให้แข็งแรงก่อนที่จะทำเว็บย่อยๆออกมา"นายสรายุทธ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ