โบรกฯเชียร์"ซื้อ"MAJOR เล็ง H2/60 โตแข็งแกร่งรับหนังใหญ่จ่อคิวเข้าฉาย,รุกเปิดโรงหนังใหม่ 52 โรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 28, 2017 15:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เล็งครึ่งหลังปีนี้แนวโน้มดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เชื่อว่าโปรแกรมหนังดังแข็งแกร่งหนุนยอดขายตั๋วโต โดยเฉพาะในไตรมาส 4/60 คาดโตได้ดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก เนื่องจากไตรมาส 4/5 ฐานต่ำจากรับผลกระทบช่วงไว้อาลัย แต่ไตรมาส 4 ปีนี้หนังฟอร์มยักษ์รอลงจอ 3 เรื่อง คือ THOR : Ragnarok, Justice League และ Star Wars Episode VIII: The Last Jedi

นอกจากนี้ MAJOR ยังคงเป้ารายได้โฆษณาปีนี้เติบโต 10% ตามเดิม คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเดือนพ.ย.-ธ.ค.หลังผ่านพ้นช่วงพระราชพิธีสำคัญในเดือน ต.ค.

ทั้งนี้ MAJOR จะเปิดโรงภาพยนตร์ใหม่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้อีก 52 โรง และในปีนี้น่าจะเปิดโรงภาพยนตร์ใหม่ทั้งสิ้น 63 โรง และการขยายสาขาของห้างสรรพสินค้าในต่างจังหวัด เช่น Tesco Lotus และ Big C จะช่วยหนุนการเพิ่มจำนวนโรงภาพยนตร์ของ MAJOR

ราคาหุ้น MAJOR พักเที่ยงอยู่ที่ 30.25 บาท ลดลง 1.00 บาท (-3.20%) ขณะที่ SET บวก 0.41%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          เคจีไอ (ประเทศไทย)              ซื้อ                     38.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)               ซื้อ                     35.00
          บัวหลวง                         ซื้อ                     35.00
          เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)     Trading Buy             34.50
          เออีซี                           ซื้อ                     34.00

นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในงวดครึ่งหลังปีนี้ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากกำไรไตรมาส 2/60 ทำได้ถึงระดับ 554 ล้านบาท ถือว่าออกมาสูงมาก ซึ่งเป็นไปตามภาวะปกติที่กำไรของทุกปีในช่วงไตรมาส 2 จะออกมาเติบโตก้าวกระโดด ขณะที่ไตรมาส 3/60 ช่วงเดือนก.ค.ผลการดำเนินงานสามารถเติบโตได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็ต้องรอดูในเดือน ส.ค.-ก.ย.ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

ส่วนในไตรมาส 4/60 ก็คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่างวดเดียวกันของปีที่แล้วที่มีฐานต่ำจากผลกระทบช่วงไว้อาลัย ทำให้ไตรมาส 4/59 มีกำไรแค่ 85 ล้านบาท แต่ในไตรมาส 4 ปีนี้ MAJOR จะมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้า 3 เรื่อง คือ THOR : Ragnarok, Justice League และ Star Wars Episode VIII: The Last Jedi จึงเชื่อว่าจะช่วยหนุนกำไรเติบโตได้มาก

นอกจากนั้น ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ MAJOR ได้เปิดโรงภาพยนตร์ใหม่แล้ว 11 โรง และจะเปิดโรงภาพยนตร์ใหม่ในครึ่งปีหลังอีก 52 โรง โดยเป็นโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพฯ 6 โรง, กัมพูชา 9 โรง และที่เหลือจะเปิดในต่างจังหวัดของไทย ส่งผลให้ปีนี้ MAJOR น่าจะเปิดโรงภาพยนตร์ 63 โรง

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ MAJOR ในปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,302 ล้านบาท เติบโต 9.6% จากปีที่แล้ว ขณะที่หุ้น MAJOR ก็จัดเป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลดีเกือบ 5% โดยคาดว่าปีนี้ จะจ่ายปันผล 1.25 บาท/หุ้น ซึ่งในครึ่งปีแรกได้จ่ายปันผล 0.65 บาท/หุ้น ซึ่งจะขึ้น XD ใน 28 ส.ค.นี้ จึงยังเหลืออีก 0.60 บาท/หุ้น ที่จะจ่ายในครึ่งปีหลัง

ด้าน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น MAJOR โดยเชื่อว่าโปรแกรมภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์เติบโตในครึ่งหลังปีนี้ ขณะที่มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ต่างประเทศอย่าง Spiderman: Home Coming, Thor: Ragnarok, และ Justice League และภาพยนตร์ไทย เช่น The Promise (GDH559) และเรื่องอื่น ๆ อีกกว่า 20 เรื่องเข้าฉายในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะช่วยหนุนยอดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ในครึ่งหลังปี 60

ด้านสัดส่วน con-to-box ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 34% ในครึ่งหลังปีนี้ ดังนั้น เชื่อว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะเป็นตัวหนุนให้รายได้เติบโตในครึ่งหลังปี 60 อีกทั้งยังมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงประมาณ 70% เทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นรวมที่ 30-40% นอกจากนี้ MAJOR ยังคงเป้าหมายรายได้โฆษณาปี 60 เติบโตที่ 10% ตามเดิม แต่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเดือนพ.ย.-ธ.ค. หลังจากพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในเดือนต.ค.เสร็จสิ้น

MAJOR ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนโรงภาพยนตร์อีก 52 โรงในครึ่งหลังปี 60 โดยมีเพียงแค่ 2 โรงภาพยนตร์ในกรุงเทพฯ และอีก 48 โรงในต่างจังหวัด (ส่วนใหญ่เป็นโรงภาพยนตร์ขนาดเล็กที่มีไม่เกิน 3 โรง) และอีก 2 โรงภาพยนตร์ในประเทศกัมพูชา (พนมเปญและเสียมราฐ) โดยการขยายสาขาของห้างสรรพสินค้าในต่างจังหวัด เช่น Tesco Lotus และ Big C จะช่วยหนุนการขยายโรงภาพยนตร์ของ MAJOR ให้มากขึ้น

จากที่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในตลาดกรุงเทพฯค่อนจำกัด ตรงกันข้ามตลาดในต่างจังหวัดที่ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก แม้ว่าราคาเฉลี่ยของบัตรชมภาพยนตร์จะต่ำกว่าในกรุงเทพฯ แต่ระยะเวลาคืนทุนสำหรับโรงภาพยนตร์ต่างจังหวัดคาดจะยังอยู่ที่ 3.5 ปี เท่ากับในกรุงเทพฯ เนื่องจากมีงบลงทุนต่อโรงเพียง 7-8 ล้านบาท เทียบกับ 10-11 ล้านบาทในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ MAJOR ยังได้มีการเจรจาส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาที่ลดลงสำหรับโรงภาพยนตร์ขนาดเล็กกับเจ้าของพื้นที่ เหลือในอัตรา 8% เทียบกับ 10-12% ตามปกติ และ Major studios ไม่เกิน 40% เทียบกับ 48% ในอัตราปกติ

ส่วน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำ"ซื้อ"หุ้น MAJOR เนื่องจากคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว และคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานหลักของทั้งปี 60-61 จะโตต่อเนื่องด้วยอัตราเฉลี่ยสูงถึง 22% รวมถึงอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 60-61 ที่คาดจูงใจถึงระดับ 4.2-4.5%

ด้าน บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรของ MAJOR ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ คิดเป็นเพียง 48.3% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งต่ำเกินไปจากขาดภาพยนตร์ทำเงินจาก MPIC ที่มีมาร์จิ้นสูง อีกทั้งช่วงครึ่งหลังปีนี้ คาดว่ากำไรจะหดตัวเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก หลังผ่านช่วง High Season ไปแล้ว บวกกับมีความเสี่ยงจากการเข้าสู่ช่วงพระราชพิธี ที่แม้มองว่าไม่รุนแรงเหมือนปีก่อน แต่น่าจะกดดันให้บรรยากาศใช้จ่ายในประเทศแย่ลง

อย่างไรก็ตาม ยังคงชอบ MAJOR จากธุรกิจที่แข็งแกร่ง และยังคาดเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากช่วงพระราชพิธีในช่วง ไตรมาส 4/60 น้อยที่สุดในกลุ่มสื่อประเภทอื่น เพราะสื่อในโรงภาพยนตร์จะไม่ถูกงดในช่วงดังกล่าว บวกกับราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จากราคาพื้นฐานในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ