โบรกฯเชียร์"ซื้อ"D เล็งผลงาน H2/60 ดีกว่าครึ่งปีแรกจากผู้ป่วยต่างชาติกลับมา-เตรียมเปิดรพ.ฟันกลางเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 31, 2017 15:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เดนทัล คอร์ปอเรชั่น (D) เล็งผลดำเนินงานในครึ่งปีหลัง (H2/60) จากมองครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากผู้ป่วยต่างชาติกลับมาใช้บริการตามปกติช่วยหนุนรายได้เพิ่มขึ้น และจะรับรู้รายได้จากสาขาใหม่ โดยปีนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ 4 แห่ง ซึ่งเปิดไปแล้วจำนวน 2 สาขาในช่วงต้นปี และในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดอีกราว 2 สาขา

ขณะที่มองระยะยาวยังมี Upside Risk หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 พ.ย.นี้ มีมติอนุมัติให้ซื้อที่ดิน เพื่อสร้างรพ.ทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH) ที่จะช่วยขยายฐานลูกค้าที่มีศักยภาพการใช้จ่ายสูงในตลาดกลุ่มใหม่ ๆ ได้ในอนาคต โดยบริษัทวางงบลงทุนรวมไม่เกิน 450 ล้านบาท

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ในช่วง 46.9-55 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว (2559) ที่มีกำไร 42.52 ล้านบาท

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.46 น.หุ้น D อยู่ที่ 8.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+1.20%)

          โบรกเกอร์                    คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          โกลเบล็ก                       ซื้อ                    10.22
          เออีซี                          ซื้อ                     9.50
          เคทีบี (ประเทศไทย)              ซื้อ                     9.80
          บัวหลวง                        ซื้อ                     9.50
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)              ซื้อ                    10.50

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ราว 5% หรือมาที่ 461 ล้านบาท และกำไรสุทธิน่าจะเติบโตมาอยู่ที่ 50 ล้านบาท เป็นผลมาจากสาขาเดิมที่ทำรายได้เพิ่มขึ้น และสาขาใหม่ที่เพิ่มเข้ามา โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนเปิดสาขาใหม่ราว 3-4 สาขา โดยในครึ่งปีแรกเปิดไปแล้วจำนวน 2 สาขา และในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดอีกราว 2 สาขา ซึ่งล่าสุดได้เปิดให้บริการแบรนด์ Dental Signature ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทีย จำนวน 1 สาขา ขณะที่ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างหาทำเลที่ตั้งสาขาใหม่ในย่านสีลมและสาธรเพิ่มเติมอีก

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนก่อสร้างโรงพยาบาลทันตกรรมในย่านเพลินจิต มูลค่าโครงการรวม 450 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการได้ในต้นปี 62 ซึ่งหากสามารถเปิดให้บริการได้ตามคาดการณ์ก้น่าจะส่งผลดีต่อบริษัทในอนาคต ปัจจุบันบริษัทฯ มีศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทันตกรรมทั้งหมด 13 สาขา แบ่งเป็น อยู่ในกรุงเทพ 11 สาขา, ภูเก็ต 2 สาขา เป็นแบรนด์ BIDC จำนวน 1 สาขา ,Dental Signature 4 สาขา และ Smile Signature 8 สาขา

"เรามองทั้งปีกำไรสุทธิน่าจะเติบโอยู่ที่ 50 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่ทำได้แล้ว 22.5 ล้านบาท โดยเป็นไปตามสาขาเดิมที่มีรายได้เพิ่มขึ้น และการเปิดสาขาใหม่ อย่างไรก็ตามในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ทางบริษัทจะมีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขออนุมัติในการซื้อที่ดิน เพื่อก่อสร้างเป็นโรงพยาบาลทันตกรรม หากได้รับการอนุมัติ และเปิดบริการได้ตามคาดการณ์ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทในระยะยาว"

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เออีซี คาดว่า กำไรสุทธิในครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากผู้ป่วยต่างชาติกลับมาใช้บริการตามปกติ และจะรับรู้รายได้จากสาขาใหม่อีกแห่งที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ ส่งผลให้ทั้งปีคาดกำไรสุทธิน่าจะเติบโตราว 10.4% มาอยู่ที่ 46.9 ล้านบาท

ขณะที่มองระยะยาวยังมี Upside Risk หากการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 พ.ย.นี้ มีมติอนุมัติให้ซื้อที่ดิน 321.5 ตร.ว. ซอยสุขุมวิท 2 ราคา 275 ล้านบาท เพื่อสร้างรพ.ทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH) ที่จะช่วยขยายฐานลูกค้าที่มีศักยภาพการใช้จ่ายสูงในตลาดกลุ่มใหม่ๆ ได้ในอนาคต โดยบริษัทวางงบลงทุนรวมไม่เกิน 450 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ปีนี้ คาดกำไรยังโตเฉลี่ยปีละ 10.5% บวกกับราคาหุ้นยังมี Upside 13.1% จากพื้นฐานใหม่ปี 60 ที่ 9.50 บาท

ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.เออีซี วานนี้ระบุว่า จากการสัมภาษณ์เจาะลึกบริษัท ได้รับทราบข้อมูลว่า ธุรกิจหลักของบริษัทคือคลีนิคฟัน 12 แห่ง (BIDC) และกำลังจะไปซื้อกิจการขายอุปกรณ์ด้านทันตกรรมทั้งหมด (D-ALL) และเตรียมเปิดโรงพยาบาลรักษาฟัน(BIDH) โดยตรง ทั้งสามส่วนนี้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่จะทำให้การรักษาจะเปลี่ยนโฉมไป

ภายในปีนี้หากการซื้อกิจการสำเร็จกำไรจะโตขึ้นเท่าตัว นั่นหมายความว่าราคาหุ้นก็ต้องเท่าตัว ปัจจุบันนี้ได้รับการติดต่อรักษาฟันจากต่างประเทศแบบไหลมาเทมา เพราะบริษัทสามารถ Confirm การรักษาฟันไดเตรงตามกำหนดระยะเวลา เทียบในราคาที่ต่ำกว่าต่างประเทศครึ่งต่อครึ่ง ได้รับความน่าเชื่อถืออย่างสูง เนื่องจากรักษาเองและทำวัสดุเอง จึงสามารถกำหนดตารางการรักษาได้แน่นอน และเมื่อโรงพยาบาลฟันสร้างเสร็จรายได้จะพุ่งขึ้นไปอีก 200-300%

ส่วนนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า กำไรสุทธิในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เป็นไปตามการเติบโตของสาขาเดิมและสาขาใหม่ ทั้งแบรนด์ BIDC, Dental Signature และ Smile Signature เนื่องจากมีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น จากการที่แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 13 สาขา ซึ่งส่งผลทำให้ทั้งปีคาดกำไรสุทธิน่าจะเติบโตมาอยู่ที่ 55 ล้านบาท

อีกทั้งบริษัทยังมีแผนสร้างโรงพยาบาลทันตกรรม ซึ่งจะมีการรประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เพื่อขออนุมัติผู้ถือหุ้นในการเข้าซื้อที่ดินแถวคลองตันพื้นที่ 321.5 ตารางวา ราคา 275 ล้านบาท โดยรวมมูลค่าทั้งโครงการไม่เกิน 450 ล้านบาท

สำหรับ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ฯคาดผลประกอบการโดยรวมจะกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นอีกครั้งในไตรมาส 3/60 เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล ที่ผู้ป่วยต่างชาติจะกลับเข้ามาใช้บริการ ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติราว 50% และบริษัทฯ ยังสามารถขยายสาขาใหม่ได้ตามแผนราว 4 สาขาในปีนี้ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้เปิดสาขาใหม่ไปแล้วจำนวน 2 สาขา ได้แก่ สาขาซีคอน สแควร์ และสาขาเอ็มควอเทียร์ ส่วนสาขาที่เหลือ คาดว่าจะเปิดในย่านสีลม-สาทร, ทองหล่อ, และต่างจังหวัด วางงบลงทุนราว 5-10 ล้านบาท/สาขา โดยจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นระดับพรีเมี่ยม และชาวต่างชาติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ