(เพิ่มเติม) "เชียงใหม่ริมดอย"ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1.5 พันลบ.ตุน Backlog 1.1 พันลบ.รับรู้ฯปีนี้ 800 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 4, 2017 13:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เชียงใหม่ริมดอย (CRD) เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปีนี้ เพื่อนำเงินที่ระดมทุนได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการก่อสร้าง และการขยายธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสให้กับบริษัทในอนาคตในการขยายธุรกิจ

พร้อมทั้ง ตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโตขึ้นเป็น 1.5 พันล้านบาท ด้วยอัตรากำไรสุทธิใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4.01% ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ราว 1.1 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 800 ล้านบาท และเตรียมเซ็นสัญญารับงานใหม่อีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 300 ล้านบาท

ปัจจุบัน CRD มีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท เรียกชำระแล้ว 175 ล้านบาท โดยเตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการขายหุ้น IPO จะทำให้ CRD มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระเต็ม 250 ล้านบาท

นายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ CRD เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) ทั้งหมด 1.1 พันล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 800 ล้านบาท ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายที่จะรักษาระดับ Backlog ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาทในทุกๆ ปี และ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอทำสัญญารับงานภาคเอกชน 2 บริษัท มูลค่าการลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท โดยเป็นโรงแรม 1 โครงการประมาณ 200 ล้านบาท และสร้างอาคารสำนักงานอีก 100 ล้านบาท

บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิทั้งปีจะยังสามารถรักษาไว้อยู่ที่ 4.01% แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/60 จะอยู่ที่เพียง 2.36% ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้น้อย และมีต้นทุนคงที่ที่ยังต้องจ่ายอยู่ แต่ช่วงครึ่งปีหลังการรับรู้รายได้ที่ค่อนข้างมากจะช่วยให้อัตรากำไรสุทธิขึ้นมาสู่ระดับปกติได้

สำหรับเงินจากการเสนอขายหุ้น IPO จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐและเอกชนที่มีมูลค่าโครงการใหญ่ขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถรองรับงานที่มีมูลค่าสูงถึงระดับปีละ 2-3 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่บริษัทสามารถรับงานในระดับกว่า 1 พันล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทจะจัดใช้การลงทุนซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์ และยานพาหนะที่ใช้ในงานก่อสร้างราว 50 ล้านบาทเพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทในการเข้ารับงานโครงการจากหน่วยงานราชการและเอกชนในปี 60-61, การลงทุนเพิ่มเติมพื้นที่สำนักงาน อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับการขยายฝ่ายงานทั้งฝ่ายวิศวกรรมออกแบบ ฝ่ายงานระบบไฟฟ้าแรงสูง ฝ่ายงานระบบสุขาภิบาลและประปา เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการเข้ารับงานโครงการในอนาคตและให้การบริการครบวงจร มูลค่า 20 ล้านบาท รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการก่อสร้างและการขยายธุรกิจในอนาคต เพื่อสร้างรายได้และกำไร

"ปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทอยู่ที่ 1.7-1.8 เท่า ซึ่งยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม บริษัทจึงไม่ได้มีนโยบายที่จะใช้เงินจากการระดมทุนไปคืนหนี้ แต่จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และการขยายการลงทุนอื่นๆเพื่อที่จะรับงานมากขึ้นด้วย"นายธีรพัฒน์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างภาคเหนือ โดยในงานภาครัฐคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท หรือ 18% ของงบประมาณ 60 โดยจะประกอบด้วย โครงการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น โครงการพัฒนาสนามบินเชียงใหม่ เชียงราย และโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ โครงการมอเตอร์เวย์เชื่อมเชียงใหม่-เชียงราย รถไฟทางคู่ และโครงการอุโมงค์ทางลอด และงานก่อสร้างอาคารสถานศึกษา อาคารพักอาศัย และอาคารทำการของหน่วยงานราชการ เป็นต้น

ด้านงานเอกชนจะเริ่มทยอยฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจจากการลงทุนภาครัฐ ส่งผลให้เอกชนพัฒนาที่ดินโดยรอบในเชิงพาณิชย์ เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารจอดรถ โรงแรม คอมโดมิเนียม เป็นต้น นอกจากนี้ การก่อสร้างในพื้นที่ภาคเหนือจะเติบโตดีอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป จากการเร่งพัฒนาจังหวัดต่างๆ เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ