ANAN คาดรับยอดโอน 6 โครงการ 1.63 หมื่นลบ.ใน Q4/60 หนุนรายได้ทั้งปีเข้าเป้า,มี backlog ราว 4.97 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 12, 2017 16:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจอห์น มิลลาร์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนากลยุทธ์ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดโอน ในช่วงไตรมาส 4/60 อยู่ที่ 1.63 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไตรมาสที่บริษัทมียอดโอนมากที่สุดของปีนี้ จากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่จำนวน 6 โครงการ ซึ่งจะมีโครงการคอนโดมิเนียมไฮไลท์ที่เตรียมโอน คือ โครงการ Ashton Asoke มูลค่า 6.8 พันล้านบาท ซึ่งมียอดขาย 100%

ทั้งนี้ การโอนโครงการจำนวนมากในไตรมาส 4/60 จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ยอดโอนของบริษัทสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดโอนอยู่ที่ 6 พันล้านบาท และบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (backlog) ในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 4.97 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในครึ่งปีหลัง 1.63 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าเป็น 20% จากปัจจุบันที่ 10% เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากรายได้ของโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทมีสัดส่วนรายได้มากที่สุด และโครงการแนวราบเป็นโครงการที่บริษัทสามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้รวดเร็ว ทำให้บริษัทสามารถนำรายได้ที่เข้ามาไปใช้ในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนต่างๆได้

ด้านยอดขายในไตรมาส 3/60 บริษัทคาดว่าจะทำได้อยู่ที่ 6.35 พันล้านบาท โดยยอดขายมาจากการเปิดขายโครงการแนวราบ 3 โครงการ มูลค่า 3 พันล้านบาท และมียอดขายของโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดไปแล้วในช่วงไตรมาส 2/60 ที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนในไตรมาส 4/60 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 9.2 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการเปิดโครงการใหม่ที่เหลืออีก 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับพันธมิตรร่วมทุน 4 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายในปีนี้เป็นไปตามป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.1 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายรวมได้ 1.54 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้ในช่วงเดือน ต.ค.60 มูลค่า 2 พันล้านบาท อายุหุ้นกู้ 3 ปี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับที่ BBB โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดอายุในเดือน ต.ค.60 มูลค่า 1 พันล้านบาท และอีก 1 พันล้านบาท บริษัทจะนำไปใช้สำหรับการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต

สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมองว่ายังมีทิศทางการเติบโตที่ดี จากการที่มีการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆจำนวนมากของผุ้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในตลาด อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ทำให้ความมั่นใจกลับมาดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อการตัดสินใจของประชาชน และส่งผลบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์

ส่วนอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัท คาดว่าจะยังทรงตัวในระดับ 7.5% จากครึ่งปีแรก เนื่องสถาบันการเงินยังมีความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อในระดับหนึ่ง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเห็นสัญยาณการฟื้นตัวขึ้น แต่ในแง่ของบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมของลูกค้าก่อนการยื่นขอสินเชื่อ ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัทยังสามารถทรงตัวได้อยู่ในระดับที่เหมาะสม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ