INGRS รายได้ปีนี้เหลือแค่ทรงตัวหลังลูกค้ารายใหญ่ปรับโครงสร้าง-แต่กำไรยังโต

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 15, 2017 12:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอับดุล ราฮิม บิน ฮายี ฮิตัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) หรือ INGRS ยอมรับรายได้ในงวดปี 60/61 (1 ก.พ. 60 - 30 ม.ค.61) น่าจะใกล้เคียงกับงวดปี 59/60 ที่มีรายได้ 3,058.81 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2/60 บริษัทรถยนต์ของจีน (Geely Holding Group) ได้เข้าซื้อหุ้นของกิจการรถยนต์โปรตอน 50% ทำให้มีการปรับโครงสร้างภายในจึงชะลอคำสั่งซื้อออกไป ซึ่งคาดว่าจะมีผลกระทบเข้ามาต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 3 ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาในช่วงไตรมาส 4

ที่ผ่านมาการเข้าซื้อกิจการรถยนต์วอลโว่ของบริษัทรถยนต์จีนนั้น ทำให้ผลประกอบการและยอดการผลิตรถยนต์ของวอลโว่เติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเกิดขึ้นกับค่ายรถยนต์โปรตอนเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากประเทศมาเลซีย 50% ไทย 42% และอินโดนีเซีย 8%

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิงวดปี 60/61 จะสูงขึ้นกว่าปีก่อนที่ 169 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะทำได้เพียงทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น อาทิ ลดของเสียที่เกิดขึ้นจากการผลิตในโรงงานทั้ง 4 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย

นอกจากนี้ ล่าสุดที่บริษัทย่อยของ INGRS ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท Ingress Mayur Auto Venture Private Limited (IMAPL) เพิ่มอีก 60% เป็น 100% มูลค่า 82.60 ล้านบาท เพื่อขยายตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศอินเดียที่มียอดผลิตยานยนต์เติบโตสูงราวปีละ 7% โดยคาดว่ายอดการผลิตรถยนต์ในอินเดียปีนี้จะเติบโตมาอยู่ที่ 4 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 3.5 ล้านคัน โดยปัจจุบัน IMAPL มีโรงงานผลิตในอินเดีย 1 แห่งใช้ผลิตสินค้าประเภทขึ้นรูป ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มาจากค่ายรถซูซูกิ (Suzuki) เป็นหลักราว 75% โดยจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามายัง INGRS ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป

นายอับดุล ราฮิม คาดว่ารายได้งวดปี 61/62 (สิ้นสุดม.ค. 62) จะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้ของบริษัทย่อยในประเทศอินเดียเข้ามาเต็มปี ประกอบกับบริษัทคาดว่าแผนการผลิตภายใต้ผู้ถือหุ้นใหม่ของโปรตอนจะมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างมองหาโอกาสในขยายตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ในอาเซียนเพิ่มเติม ซึ่งเบื้องต้นมองว่าประเทศเวียดนามมีโอกาสในการเติบโตมากที่สุด แต่บริษัทยังไม่สามารถสรุปแผนการลงทุนที่ชัดเจนได้ในขณะนี้ เนื่องจากจะเน้นการผลิตสินค้ารูปแบบจากโรงงานเดิมใน 4 ประเทศก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ