นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า โครงการโดมิเนียมย่านฝั่งธน เดอะเบส เพชรเกษม ซึ่งเป็นการพัฒนาของบริษัทร่วมทุนระหว่างบมจ.แสนสิริ (SIRI) และบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) สามารถทำยอดขายได้แล้ว 70% หรือราว 1,400 ล้านบาท หลังจากเปิดการขายอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นสัดส่วนลูกค้าต่างชาติสูงถึง 30% ผ่านการออกไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในต่างประเทศทั้งฮ่องกงและจีนเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โครงการเดอะเบส เพชรเกษม เป็นคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ ความสูง 30 ชั้น จำนวน 640 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,850 ล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลเพชรเกษม มียูนิตให้เลือก 2 แบบ แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ 23.00-32.50 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ 44.00-52.25 ตร.ม.คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 63
ขณะที่มองแนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยของลูกค้าต่างชาติมีทิศทางกระจายตัวไปยังรอบนอกเมืองมากขึ้น จากราคาเฉลี่ยที่ไม่สูงมาก จึงทำให้เกิดการตัดสินใจได้ไม่ยาก ประกอบกับ การขยายการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนต่อเนื่อง อาทิ การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระ หัวลำโพง-บางแค ที่มีการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 94% โดยจะเปิดให้บริการปี 62 ส่งผลให้ย่านเพชรเกษมจะสามารถเติบโตได้ในทุกด้าน
"การลงทุนในภาคเอกชนไม่ว่าจะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัยเพื่อรองรับชุมชนขนาดใหญ่ที่เหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัย จึงทำให้โครงการเดอะเบส เพชรเกษม เป็นหนึ่งในโครงการของแสนสิริที่มีแนวโน้มที่ดี และคาดว่านักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เลือกที่จะลงทุนในย่านนี้มากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน"นางสาววรางคณา กล่าว
สำหรับทำเลย่านเพชรเกษมถือเป็น HUB ขนาดใหญ่ของฝั่งธนฯ ที่ครอบคลุมพื้นที่ของกรุงเทพฯ ทั้งหมด 4 เขต ได้แก่ บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ บางแค หนองแขม มีประชากรรวมกว่า 5.5 แสนคน ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่นสูงถึง 2.35 คนต่อครัวเรือน ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 2.13 คนต่อครัวเรือนเท่านั้น ทำให้เกิดแนวโน้มด้านความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น โดยมีจำนวนอุปทานคอนโดมิเนียมแนวสูงบนถนนเพชรเกษมปัจจุบัน จำนวน 10,386 ยูนิต และอุปสงค์อยู่ที่ 4,573 ยูนิต โดยโครงการที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าจะมีราคาเฉลี่ยที่ 9.2 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ซึ่งนับว่าเป็นระดับราคาที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับราคาคอนโดมิเนียมที่ติดรถไฟฟ้าบริเวณในเมือง
ด้านราคารีเซลของทำเลย่านนี้มีความน่าสนใจจากปัจจัยแวดล้อมบวกต่างๆ อาทิ ราคาที่ดินที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 45-80% ภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี เฉลี่ยสูงขึ้นอยู่ที่ปีละ 9% โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาที่ดินบริเวณที่ใกล้กับรถไฟฟ้าติดกับถนนเพชรเกษม มีราคาเพิ่มขึ้นสูงถึงปีละ 13% ซึ่งเมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จแล้ว คาดว่าราคาที่ดินโดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้าน่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกปีละ 10% อย่างแน่นอน จึงส่งผลให้ราคารีเซลของคอนโดมิเนียมย่านนี้ที่เปิดตัวในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับค่อนข้างดี โดยสามารถทำกำไรจากรีเซลสูงขึ้นถึง 30% และคาดว่าหากระบบขนส่งมวลชนเสร็จสมบูรณ์ ราคาจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยอีกปีละ 5% ซึ่งปัจจุบันยังสามารถให้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (yield) อยู่ที่ประมาณ 5-6% ซึ่งศักยภาพดังกล่าวจึงมีความเป็นไปได้ที่แสนสิริจะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้ต่อไป