(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ เล็งเจอแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 5, 2017 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยอาจได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดไนเม็กซ์ได้ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 เหรียญฯ/บาร์เรล ภายหลังจากที่ยอดส่งออกน้ำมันของสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ วันนี้หุ้นหลัก ๆ คงจะพักฐานก่อน แต่หุ้นขนาดกลาง-เล็กจะแกว่งตัวได้ดีกว่า โดยแนะนำให้เล่นหุ้นขนาดกลางที่คาดว่าจะมีผลประกอบการออกมาดี ซึ่งวันนี้แนะนำหุ้น MBK และ TMB โดยแบงก์แรกที่จะประกาศงบฯไตรมาส 3/60 เป็น TISCO

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็แกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบมาก ทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้ติดตามนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่วนทางยุโรปให้ติดตามรัฐกาตาลุญญา ที่จะแยกตัวเป็นรัฐอิสระ

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,680-1,695 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,661.64 จุด เพิ่มขึ้น 19.97 จุด (+0.09%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,534.63 จุด เพิ่มขึ้น 2.91 จุด (+0.04%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,537.74 จุด เพิ่มขึ้น 3.16 จุด (+0.12%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 24.05 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.36 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.28 จุด

ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ, ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ต.ค.60) 1,687.77 จุด ลดลง 2.20 จุด (-0.13%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,032.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ต.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 49.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ต.ค.60) ที่ 6.76 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.36 ทรงตัวจากวานนี้ นลท.รอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ
  • ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้ประกาศปรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 0.1% จากคาดการณ์เดิมเป็น 5.1% ในปี 2560 และ 5.2% ในปี 2561 โดยระบุว่าประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ยังขยายตัวแข็งแกร่ง ซึ่งได้รับผลดีจากการค้าโลกที่ฟื้นตัว ทำให้การส่งออกเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมการส่งออกและการท่องเที่ยวมีการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้น
  • ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้พิจารณาโครงสร้างราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี สำหรับเดือน ต.ค. 2560 โดยตรึงราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีคงที่ อยู่ที่ 21.15 บาท/กก. ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. 2560 เป็นต้นไป เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดโลก และให้แนวทางการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซแอลพีจีสามารถดำเนินต่อเนื่อง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีในประเทศ ประกอบกับเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีเวลาปรับตัว
  • อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จากกรณีประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงการขยายการคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีก 1 ปี และจัดเก็บอัตรา 9% ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 ว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และกรณีดังกล่าวก็เกิดขึ้นในทุกปี มีความไม่เข้าใจในทุกปี โดยอยากชี้แจงว่า รัฐบาลมีมติให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ 7% อีก 1 ปี ตั้งแต่ 1 ต.ค.60-30 ก.ย.61 ส่วนตั้งแต่ 1 ต.ค.61 เป็นต้นไป จะคงอัตราหรือจะขึ้นอัตราเป็นเท่าไร ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น
  • กสทช.บอร์ดหมดวาระ 6 ปี ไม่กระทบประมูลคลื่น 1800 และ 850 เมกะเฮิรตซ์ มั่นใจจัดประมูลไม่เกิน ส.ค.61 แน่นอน ขณะที่ พ.ย.นี้เล็งประมูลเน็ตชายขอบรอบ 2 หวังลงนามทัน ม.ค.61

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CRD (บมจ.เชียงใหม่ริมดอย) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีราคาขาย IPO 1.44 บาท ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมปี 2561 โดย อิง PER ที่ 14 เท่า ได้เท่ากับ 1.90 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2560-2561 โตเฉลี่ย 27% ต่อปี

บริษัทฯเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งงานก่อสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้างทั่วไป และระบบงานสาธารณูปโภคครอบคลุมทุกภูมิภาค แต่เน้นภาคเหนือตอนบน จุดเด่น คือ เน้นคุณภาพงานก่อสร้างและการส่งมอบทันตามกำหนด โดยมีประสบการณ์กว่า 27 ปี ด้วยธุรกิจก่อสร้างที่กลับมาเป็นขาขึ้นจากการลงทุนภาครัฐ และภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ ประกอบกับมี Backlog ปีนี้กว่า 1 พันล้านบาท

  • AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 26.6 บาท วันนี้มาพร้อมการเติบโตของรายได้ 3Q60 ที่ +60% Q-Q และ 16% Y-Y ทั้งจากการโอนที่ดินของอมตะนครซึ่งมี Gross margin สูงถึง 75% และ Backlog ที่ทยอยโอนถึงปีหน้า 2,070 ล้านบาท แม้ยอดขายยังไม่ถึงเป้าที่วางไว้ แต่ส่วนหนึ่งเป็นการชะลอเพื่อรอความชัดเจนของสิทธิประโยชน์จาก EEC ประกอบกับ โรงไฟฟ้า 3 แห่งซึ่ง AMATA ร่วมลงทุนเตรียมทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบและ AMATAV เตรียมรับ Investment certificate เพิ่ม
  • MCS (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 22.1 บาท แม้ปี 60 คาดกำไรจะหดตัว 57.6%YoY เพราะงานที่ผลิตไว้บางส่วนยังไม่ถึงเวลากำหนดส่งมอบแต่คาดจะพลิกกลับมาโต 103.1%YoY ในปี 61 หนุนด้วยอานิสงส์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 63 ที่ประเทศญี่ปุ่นส่งผลให้ต้องเร่งส่งมอบสินค้าเหล็กโครงสร้าง ผนวกกับราคาหุ้นยังมี Upside 29.2%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ