KTBST มอง SET สัปดาห์นี้อาจพักตัวก่อนเดินหน้าต่อ แม้ปัจจัยในประเทศหนุนแต่บาทอ่อนค่ายังกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 9, 2017 10:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) มองทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (9-12 ต.ค.) ว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ในสัปดาห์นี้อาจมีการพักฐานก่อนเดินหน้าต่อ คาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ อยู่ที่ 1,680-1,710 จุด จากแรงกดดันจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆที่อาจเปลี่ยนแปลง ค่าเงินบาทที่อ่อนค่ายังเป็นตัวแปรที่กดดันต่อราคาหุ้น แม้ว่าปัจจัยในประเทศจะเป็นตัวหนุนต่อตลาด ทั้งเรื่องอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้ที่มีการปรับขึ้นไปอยู่ใกล้ๆ 4% และผลประกอบการไตรมาส 3/60 ของตลาดและหุ้นหลักๆ ที่มีสัญญาณฟื้นจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รวมถึงการเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/60 ซึ่งจะทำให้มีการเข้ามาลงทุนในหุ้นที่ถูกคาดว่ากำไรจะดีเช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อน

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้การประกาศตัวเลขที่ชัดเจนของมาตรการลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกด้วย โดย Dollar Spot Index ปรับตัวขึ้นมาจาก 93 เป็น 94 จุด และค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์อ่อนค่าลงมาเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกไทยและหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ หากสูงมากกว่าคาดที่ 0.49% โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยจะสูงขึ้นตามลำดับ

ขณะที่การคัดเลือกประธานเฟดคนใหม่ในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มจะเป็นนาย Kavin Warsh ซึ่งถูกมองว่านโยบายไม่สนับสนุนการก่อให้เกิดเงินเฟ้อ เช่น มาตรการ QE, การลดดอกเบี้ยเป็นเวลานาน หากนาย Warsh ได้เป็นประธานเฟดคนใหม่ มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเร็วขึ้น (คาดการณ์เดิม คือ ธ.ค.60) และค่าเงินดอลลาร์จะมีโอกาสแข็งค่าต่อ

ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามกระแสเงินจากต่างประเทศ โดยคาดว่าสัปดาห์นี้ยังมีโอกาสที่ต่างชาติจะมีการขายทำกำไรต่อจากสัปดาห์ก่อน รวมถึงการคาดการณ์งบการเงินในไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะเริ่มเห็นการเข้ามาเก็งกำไร

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน มองว่าตลาดเพียงแค่ชะลอการปรับตัวขึ้น แนะนำนักลงทุนเลือกที่จะถือหุ้นต่อ หรือเข้าซื้อเพิ่มโดยรอจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลงมาควรเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่จะมีการสลับเข้ามาและมีปัจจัยบวกรองรับ รวมทั้งกลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 3 จะออกมาดี และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ การฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ ผลบวกจากเงินบาทอ่อนค่า เป็นต้น หุ้นแนะนำในเชิงกลยุทธ์ได้แก่ JMT , WICE , TAPAC , TK , AP , SYNEX


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ