(เพิ่มเติม) "ดู เดย์ ดรีม"เตรียมพร้อมเสนอขายหุ้น IPO 76 ล้านหุ้นรอ ก.ล.ต.อนุมัติไฟลิ่ง ระดมทุนขยายโรงงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 9, 2017 12:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ดู เดย์ ดรีม ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว “SNAILWHITE" เตรียมพร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 76,000,000 หุ้น หลังจากยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้วตั้งแต่เดือน ส.ค. และอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก ก.ล.ต. โดยมี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย

นายสราวุฒิ พรพัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของดู เดย์ ดรีม กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว โดยมีธุรกิจหลัก 2 กลุ่ม คือ ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว “SNAILWHITE" ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ (NAMU LIFE) ตั้งแต่ปี 56 เป็นต้นมา และธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิวให้แก่แบรนด์อื่นซึ่งเป็นธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดเล็ก

ปัจจุบัน บริษัทมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ SNAILWHITE รวมทั้งสิ้น 6 กลุ่ม ได้แก่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย ผลิตภัณฑ์กันแดด และกิฟท์เซ็ตสำหรับเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 20 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ NAMU LIFE SNAILWHITE Facial Cream ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ากลุ่มร้านค้าขนาดใหญ่มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 58 ถึงไตรมาส 2/60

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้า ทั้งในกลุ่มโมเดิร์นเทรด ร้านค้าสะดวกซื้อ และร้านค้าแบบดั้งเดิม ช่องทางจำหน่ายบนสื่อออนไลน์ ร้านของ NAMU LIFE และเครือข่ายกระจายสินค้าในต่างประเทศ รวมแล้วกว่า 10,000 ร้านทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ราว 1.2 พันล้านบาท โดยจะเป็นการเติบโตจากตลาดในประเทศที่บริษัทเน้นการทำการตลาดเพื่อให้มีการรับรู้แบรนด์เพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดต่างประเทศเองมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในเมียนมา กัมพูชา ฮ่องกง และโดยเฉพาะจีนที่มีการเติบโตอย่างมาก ซึ่งบริษัทได้มีการขยายช่องทางการขายไปในทุกๆช่องทาง

ขณะเดียวกันบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 8 ผลิตภัณฑ์ด้วย

นายสราวุฒิ กล่าวว่า บริษัทมองว่าในอนาคตจะสามารถเติบโตได้อีกมากและตั้งเป้าจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของภูมิภาคเอเชียทั้งในแง่ของยอดขายและมูลค่าบริษัท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์อยู่เพียง 30 SKU ซึ่งยังน้อยเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ โดยบริษัทจะเน้นการมีทีมวิจัยเป็นของตนเอง ซึ่งมีงบประมาณราว 1% ของยอดขาย และมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดอยู่ที่ 15% ของยอดขาย

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะขยายสาขา Namu life เพื่อจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ ให้ครบ 20 แห่งภายใน 2 ปี ข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 2 แห่ง โดยจะใช้งบลงทุนราว 1 ล้านบาทต่อแห่ง

"เรายังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากเรายังถือว่าไม่ใหญ่มาก แต่เราก็ได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี และถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปประเทศอื่นๆอีก"นายสราวุฒิ กล่าว

นางสาวเสาวคนธ์ พรพัฒนารักษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของดู เดย์ ดรีม กล่าวถึงโอกาสในการเติบโตของ SNAILWHITE ว่า อุตสาหกรรมสกินแคร์มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในสุขภาพและความงามมากขึ้น สำหรับในประเทศไทยธุรกิจสกินแคร์ได้รับการจัดอันดับจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยให้เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมดาวรุ่งในปี 59

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมจากโครงสร้างด้านประชากรศาสตร์ที่กำลังก้าวเข้าสู่ Aging Society ซึ่งเป็นโอกาสให้เราขยายตลาดผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ครอบคลุมต่อความต้องการในตลาดมากขึ้น เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยและชะลอวัย รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายที่ปัจจุบันหันมาดูแลรูปลักษณ์ตนเองมากขึ้น รวมทั้งเทรนด์การเลือกสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ยังช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงลูกค้าอย่างไร้พรมแดน

บริษัทยังมีศักยภาพการแข่งขันที่โดดเด่น และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้บริโภคทั่วเอเชีย ตลอดจนการซื้อผลิตภัณฑ์ “SNAILWHITE" เป็นของฝากกลายเป็นกระแสในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน จากความสำเร็จนี้ บริษัทเล็งเห็นโอกาสการขยายตลาดในเอเชีย เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งตลาดสกินแคร์มีการเติบโตมากถึง 17% ต่อปี โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดทั้งในระยะสั้น เช่น การออกผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษสำหรับตลาดจีน และระยะยาว เช่น การจับมือกับพันธมิตรผู้มีความชำนาญในแต่ละประเทศ ทั้งในด้านการผลิต บริหารจัดการ และกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

นายปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน ของดู เดย์ ดรีม เปิดเผยว่า ผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจาก 438 ล้านบาทในปี 57 เป็น 1,202 ล้านบาทในปี 59 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 65.6% ต่อปี ซึ่งรายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 60 บริษัทยังคงรักษาอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้จากการขายรวม 872 ล้านบาท เทียบกับ 703 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 24.1%

นอกจากนี้ รายได้จากการขายในต่างประเทศในครึ่งแรกของปี 60 อยู่ที่ 332 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 72 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 59 ซึ่งสะท้อนการเติบโตในต่างประเทศได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกัน ผลกำไรของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 28 ล้านบาทในปี 57 เป็น 335 ล้านบาทในปี 59 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่สูงถึง 248.8% ต่อปี โดยบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจาก 6.3% ในปี 57 เป็น 27.8% ในปี 59 และสำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 60 กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 209 ล้านบาทลดลงเล็กน้อยจาก 213 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและส่งเสริมการขาย

อย่างไรก็ตาม การเติบโตในอนาคตของบริษัทฯ ยังมีแนวโน้มที่ดี จากรายได้ของผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการแข่งขันของผลิตภัณฑ์หลักซึ่งก็คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า และศักยภาพในการสร้างรายได้ในอนาคตด้วยการเติบโตของยอดขายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่หลากหลายมากขึ้น

ดังนั้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า SNAILWHITE ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั้งในแนวดิ่งหรือการที่ลูกค้าแต่ละรายใช้ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นในปริมาณที่มากขึ้น และในแนวราบหรือจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ บริษัทจึงมีวัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงงานของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศให้พร้อมต่อการเจาะตลาดลูกค้าทั่วเอเชีย และยังใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ในการขยายธุรกิจ อาทิ การปรับปรุงฝ่ายวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและขยายสำนักงานรวมทั้งเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

"ดู เดย์ ดรีม มั่นใจในศักยภาพของบริษัทฯ ที่พร้อมจะเดินหน้าสู่ความสำเร็จไปอีกขั้นกับเป้าหมายการขึ้นเป็นท็อป 3 บริษัทฯ ชั้นนำด้านความงามของเอเชีย พร้อมรักษาขีดความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและเติบโตหลังจาก IPO"นายปิยวัชร กล่าว

ทั้งนี้ สัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ ก่อนและภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จะเปลี่ยนแปลงไป ดังนี้ สัดส่วนหุ้นของกลุ่มครอบครัวพรพัฒนารักษ์ เปลี่ยนแปลงจาก 93.2% เป็น 70.8% หุ้นของ North Haven Thai Private Equity Clarity Company (HK) Limited ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Private Equity ที่บริหารจัดการโดย Morgan Stanley จาก 6.3% เป็น 4.7% สัดส่วนหุ้นโดยรวมของผู้หุ้นรายอื่น ๆ จาก 0.6% เป็น 0.4% และสัดส่วนหุ้นของประชาชนทั่วไปหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอจะคิดเป็น 24.05%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ