(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น-แต่อาจสลับแรงขายทำกำไรรับข่าวดีเลือกตั้ง พ.ย.61-น้ำมันขึ้นหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 11, 2017 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นต่อ แต่อาจสลับแรงขายทำกำไรระหว่างทางได้ ภายหลังจากที่ดัชนีฯได้ยืนเหนือระดับ 1,700 จุดทำให้เป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดฯ และตลาดฯยังได้ข่าวดีจากนายกรัฐมนตรีออกมาประกาศจะเลือกตั้งในเดือนพ.ย.ปีหน้า (2561) อีกด้วย ซึ่งทำให้การเลือกตั้งมีความชัดเจนขึ้น ประกอบกับน่าจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นด้วย

อีกทั้งเมื่อวานนี้มีแรงซื้อกลับเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาติ และสถาบัน ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ซึ่งตอนนี้ปัจจัยนอกประเทศยังไม่ได้มีอะไรที่สำคัญนัก มีเพียงแต่วานนี้เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ท่านหนึ่งได้ออกมาพูดว่าอาจจะมีการปรับลด QE ในปีหน้า ซึ่งทำให้เช้านี้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าและเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมา อย่างไรก็ดี จะต้องติดตามการประชุม ECB ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ก่อนว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการหรือไม่

ส่วนบ้านเราให้ติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/60 เริ่มจากกลุ่มแบงก์ ซึ่งวันนี้ TISCO จะเป็นแบงก์แรกที่จะประกาศงบฯออกมา

พร้อมให้แนวรับ 1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,715 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,830.68 จุด เพิ่มขึ้น 69.61 จุด (+0.31%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,587.25 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด (+0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,550.64 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด (+0.23%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 131.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 43.31 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.68 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.68 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 20.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.01 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 19.80 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.50 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ต.ค.60) 1,706.95 จุด เพิ่มขึ้น 14.73 จุด (+0.87%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,330.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ต.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 50.92 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ต.ค.60) ที่ 7.35 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.22 แข็งค่าต่อเนื่องจากเย็นวานนี้ มองกรอบวันนี้ 33.20-33.30
  • "ประยุทธ์" ประกาศเลือกตั้งพ.ย.61 ย้ำทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมพ วอนนักการเมืองอยู่ในความสงบ เตือนมีผลต่อการพิจารณาปลดล็อกดำเนินกิจกรรมการเมือง ขณะภาคธุรกิจขานรับประกาศเลือกตั้ง ชี้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนดีขึ้น ปลดล็อกการลงทุนเอกชน ปลุกเศรษฐกิจในประเทศคึกคัก "หอการค้า" ห่วงโครงการระยะยาวขาดการสานต่อ จี้รัฐเร่งออกกฎหมายคุม
  • ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) จาก 3.5-4% เป็น 3.7-4% และคาดว่าสินเชื่อทั้งระบบธนาคารพาณิชย์จะขยายตัวได้ถึง 4% จากที่คาดไว้ 3%
  • อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เผยยอดการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) และยอดขยายกิจการในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2560) มีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 133 โรงงาน มูลค่า 2.15 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันจากปีก่อนที่มีอยู่ 150 โรงงาน ลดลง 11.33% ขณะที่มูลค่าลดลงจาก 4.72 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 54.44% ส่วนการจ้างงานทั้งหมดอยู่ที่ 6,790 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการจ้างงาน 1.23 หมื่นคน หดตัว 44.79%
  • นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2560 ว่า เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าอะไรที่สามารถดำเนินการได้บ้าง แต่สิ่งที่สามารถขับเคลื่อนได้มากหน่อยในขณะนี้คือการใช้งบลงทุนของภาครัฐ โดยมีการเบิกจ่าย ไปแล้ว 90% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • KBANK (เคทีบี) เป้า 239 บาท จากคาดการณ์ Fund Flow จากต่างชาติยังคงเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดย KBANK เป็นหุ้นขนาดใหญ่และเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของต่างชาติ ด้านผลประกอบการ KBANK ยังไม่โดดเด่นนัก KBANK ยังเน้นการตัดหนี้สูญ ทำให้ต้องตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญอย่างต่อเนื่อง คาดผลประกอบการปี 2560 ลดลง -7.8% YoY
  • SCC (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 560 บาท Roadshow ต่างประเทศผู้บริหาร มองแนวโน้มราคาปิโตรฯยังดีอยู่ แต่ธุรกิจปูนดูอ่อนแอกว่าที่คาด อย่างไรก็ดีนักลงทุนส่วนใหญ่กังวลต่อแนวโน้มราคาปิโตรฯ ในอนาคต และภาวะ oversupply ของซิเมนต์
  • THANI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 8.20 บาท คาดกำไรสุทธิ 3Q60 จะออกมาดีมากที่ราว 280-300 ลบ. เพิ่มขึ้น 9-16% Q-Q และดีที่สุดในประวัติการณ เนื่องจากคใชจยสำรองฯ และตนทุนทางการเงินลดลง แนวโนมกำไร 4Q60 คาดวยังมีโมเมนตัมที่ดีและ new high ตอตามฤดูกาล จึงมีแนวโนมปรับประมาณการกำไรปนี้และปหนขึ้น 5% และ 12% ตามลำดับ
  • IVL (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 47.50 บาท (ยังไม่รับรวม Upside จาก Tax reform) ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา M&A ไปแล้วทั้งสิ้น 3 บริษัท (รวมการซื้อกิจการ DuPont Teijin ในครั้งนี้) คือ (1) Glanzstoff เป็นผู้ผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรป กำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปี (2) DuraFiber Technologies M?xico ซึ่งเป็นกิจการผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ กำลังการผลิต 37,500 ตัน/ปี และ (3) DuPont Teijin Films เป็นผู้ลิตฟิล์มโพลีเอสเตอร์ กำลังการผลิต 277,000 ตัน/ปี จะเห็นได้ว่าการ M&A จะเน้นธุรกิจปลายน้ำมากขึ้นและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม ที่มี Margin ที่สูงและมีความผันผวนของราคาต่ำกว่าธุรกิจที่เป็นต้นน้ำ ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายที่เป็นกลุ่ม HVA อยู่ราว 40% การซื้อกิจการ 3 กิจการในปีนี้จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 400,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นราว 5% จากปริมาณการผลิตในปี 2559

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ