โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.การบินไทย (THAI) หลังคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/60 จะเติบโตได้ดีสุดของปีนี้ จากเข้าสู่ High Season ซึ่งหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีฯ เชื่อว่าคนก็จะเริ่มวางแผนท่องเที่ยว ก็จะช่วยหนุนการท่องเที่ยวไทยกลับมาดีขึ้น นอกจากนี้หลังจากที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ได้ปลดธงแดงประเทศไทย ทำให้เป็นบวกต่ออุตสาหกรรมการบิน ซึ่งจะทำให้สายการบินของไทยขยายเส้นทางบินไปจุดหมายปลายทางที่หลากหลายมากขึ้น
สำหรับเรื่องที่ THAI จะลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของบมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) หลัง NOK มีการปรับแผนธุรกิจและปรับทีมผู้บริหารแล้ว ทำให้คาดว่าแนวโน้มการดำเนินงานของ NOK ก็น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกเล็ก ๆ ให้กับ THAI ได้บ้าง
พักเที่ยงหุ้น THAI อยู่ที่ 18.90 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ SET +0.70%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ฟิลลิป (ประเทศไทย) ทยอยซื้อ 20.40 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 21.90 โนมูระ พัฒนสิน Neutral 18.30นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลประกอบการของ THAI จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,309 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับกำไร 15.14 ล้านบาทในปีที่แล้ว เนื่องจากคาดว่าปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) จะเติบโต 14% มาอยู่ที่ 71.44 ล้านคน/กิโลเมตร เพิ่มขึ้นจากระดับ 62.44 ล้านคน/กิโลเมตรในปีที่แล้ว ซึ่งการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารจะต้องอาศัยการพึ่งพาในช่วงไตรมาส 4/60 ที่ต้องมีกำไรเติบโตดี เพื่อดึงภาพรวมทั้งหมดเข้ามา นั่นคือไตรมาส 4/60 คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ดีสุดของปีนี้
สำหรับไตรมาส 3/60 จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงานปกติดีขึ้น โดย RPK เติบโตกว่า 10% แล้ว (ดูจากตัวเลขของเดือนก.ค.-ส.ค.) อย่างไรก็ดี THAI ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร ทำให้อาจขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Loss FX) และอาจจะมีรายการพิเศษจากการตั้งด้อยค่าด้วย
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเริ่มเห็นในเดือน พ.ค.-ส.ค.60 เป็นบวกมาตลอด ขณะที่มองว่าเมื่อสิ้นสุดงานพระราชพิธีสำคัญในเดือน ต.ค. ก็คาดว่าคนก็จะวางแผนท่องเที่ยวได้ ช่วยหนุนการท่องเที่ยวไทยกลับมาดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ที่แนะนำ"ทยอยซื้อ"THAI เนื่องจากราคาหุ้น THAI ในปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว หลังจากที่ ICAO ได้ปลดธงแดงประเทศไทย และก็เป็นโอกาสที่จะทำให้ THAI สามารถเปิดเส้นทางบินไปอเมริกาได้ แต่ตรงนี้ไม่ได้ช่วยภาพรวมของ THAI มาก เพราะรายได้หลักของ THAI จะอยู่ที่การบินไปในแถบเอเชีย และยุโรปเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกันนี้คาดว่าผลการดำเนินงานของ THAI จะดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/61 เพราะยังเป็นช่วง High Season
ด้านนายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์อาวุโสสายงานวิจัย และบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ภาพรวม THAI หลังแผนฟื้นฟูกิจการก็มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยปีนี้คาดว่าอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ขึ้นสูงสุดในรอบหลายปี ซึ่งการที่ CAO ปลดธงแดงประเทศไทย ทำให้เป็นบวกต่ออุตสาหกรรมการบิน ในการเปิดให้ไทยขยายเส้นทางบินไปหลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่าประเด็นนี้เป็นได้ทั้งบวก-ลบต่อ THAI เพราะ THAI อาจจะกลับมาเปิดเส้นทางใหม่ในญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่สายการบินพวก Low Cost Airline ก็จะบุกเส้นทางใหม่ได้เหมือนกัน
ปีนี้อุตสาหกรรมการบินได้รับแรงกดดันจากต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้น และยังมีการขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบินด้วย ประกอบกับธุรกิจการบินมีการแข่งขันสูงขึ้น จาก Low Cost Airline ทำให้ราคาขายต่อหน่วยลดลง ดังนั้น จึงคาดว่าภาพรวมผลประกอบการของ THAI ในปีนี้คงจะยังขาดทุนอยู่ หลังคาดว่าไตรมาส 3/60 ก็ยังขาดทุนอยู่ แต่อาจจะพลิกมีกำไรในไตรมาส 4/60 หลังเข้าสู่ช่วง High Season
สำหรับเรื่องที่ THAI จะลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของบมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) ในรอบ 2 หลัง NOK มีการปรับแผนธุรกิจและปรับทีมผู้บริหารแล้ว แนวโน้ม NOK ก็น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกเล็ก ๆ ให้กับ THAI ได้บ้าง
พร้อมคาดการณ์ปีนี้ THAI จะขาดทุนสุทธิราว 3,196 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 15.14 ล้านบาท ขณะที่ในด้านกำไรปกติของ THAI คาดว่าจะมีกำไร 659 ล้านบาท ลดลงจากปี 59 ที่มีกำไรปกติ 3,007 ล้านบาท ทั้งนี้มาจากต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้น, ราคาขายตั๋วโดยสารต่อหน่วยที่ลดลง และการขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบิน
ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 ของ THAI จะได้แรงส่งด้านบวกจากการฟื้นตัวของธุรกิจสายการบิน โดยคาดว่า Cabin Factor จะอยู่ที่ 77% จาก 73.5% ในไตรมาส 3/59 และ 78.5% ในไตรมาส 2/60 แต่อย่างไรก็ตาม THAI ยังคงถูกกระทบจากการแข่งขันที่เข้มข้นในระหว่างสายการบินต่าง ๆ โดยรวมแล้วประเมินว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 จะออกมาขาดทุนสุทธิ 1,500 ล้านบาท จากที่ขาดทุนสุทธิ 1,601 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 และขาดทุนสุทธิ 5,211 ล้านบาทในไตรมาส 2/60
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานหลักมีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบต่อไตรมาส โดยคาดการณ์กำไรปกติที่ระดับ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานโดยรวมยังดูอ่อนไหว เนื่องจากคาดว่าจะถูกกระทบทางลบจากรายการพิเศษ 2,500 ล้านบาท มาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 2,000 ล้านบาท จากการที่เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโร และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะบันทึกในงวดไตรมาส 3/60 อย่างไรก็ตาม THAI น่าจะได้อานิสงส์จากรายการภาษีที่ลดลงเพราะผลขาดทุนสะสมในช่วงก่อนหน้า
พร้อมปรับลดประมาณการปี 60 ลงเพื่อสะท้อนถึงผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าซ่อมบำรุงเครื่องบินที่น่าจะสูงกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยคาดว่า THAI จะมีผลขาดทุนสุทธิ 2,200 ล้านบาท จากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4,300 ล้านบาท