(เพิ่มเติม) THMUI คาดเสนอขาย IPO ราว 97 ล้านหุ้นพร้อมเข้าซื้อขายในตลาด mai ช่วงปลายปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 30, 2017 16:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทชากร ลีลาประชากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น (THMUI) เปิดเผยว่า บริษัทจัดงานนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุน เพื่อการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 97,070,000 หุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 28.55% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยจะผลักดันเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงปลายปี 60

THMUI ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วคุณภาพสูง มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซื้อเครื่องทดสอบแรงดึง เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์ยกหิ้วขนาดใหญ่ และโครงการก่อสร้างโกดังสินค้า ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกับโกดังสินค้าสำโรง จ.สมุทรปราการ ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 61 และคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้ภายในปี 62

นายทชากร กล่าวว่า รายได้จากการขายและให้บริการปี 60 จะมากกว่าปี 59 ที่ 356.74 ล้านบาท หลังจากช่วงครึ่งปีแรกรายได้ 182.84 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตแล้ว 16.22% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่มีรายได้ 157.31 ล้านบาท เนื่องจากสินค้าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อน โดยเฉพาะลูกค้าหลักในกลุ่มอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเคมีเริ่มฟื้นตัว จากการปรับตัวขึ้นอย่างมากของระดับราคาน้ำมันดิบ รวมถึงการเติบโตของลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ของบริษัทฯที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนบุกกลุ่มลูกค้าใหม่ คือ กลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ปัจจุบันมีการเติบโตค่อนข้างมาก ซึ่งอุตสาหกรรมนี้มีความต้องการใช้สินค้าลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วคุณภาพสูงที่บริษัทฯเป็นผู้จัดจำหน่ายและมีใบรับประกันคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐาน โดยบริษัทเตรียมจะซื้อเครื่องทดสอบแรงดึงเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์ยกหิ้วขนาดใหญ่ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้านี้มากขึ้นด้วย

"หลังจากที่เราได้เงินจากการระดมทุนแล้วเราจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซื้อเครื่องทดสอบแรงดึงเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์ยกหิ้วขนาดใหญ่ และโครงการก่อสร้างโกดังสินค้า ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯขยายการขายสินค้าได้มากขึ้น เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากจะมีการสั่งสินค้าแบบเร่งด่วน ซึ่งหากไม่มีการสต็อกสินค้าก็จะเสียโอกาสนั้นไป ซึ่งการระดมทุนจะช่วยในส่วนของการสต็อกสินค้าพร้อมขายได้ดียิ่งขึ้น" นายทชากร กล่าว

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THMUI เปิดเผยว่า กลุ่มไทยมุ้ยมีประสบการณ์ในธุรกิจอันยาวนาน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าและพันธมิตร เป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับการตอบรับ และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงและลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงได้อย่างต่อเนื่อง การเข้ามาระดมทุนครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น สามารถเพิ่มสินค้าและทีมบริการเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ศักยภาพการเติบโตจากนโยบายการลงทุนทั้งภาครัฐบาลและเอกชน จากฐานลูกค้าที่กระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ลงทุนตามแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ช่วยเพิ่มอุปสงค์ของลวดสลิงสำหรับ Overhead Crane เพื่อยกหิ้ววัสดุ รวมไปถึง กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเคมี ที่ได้ปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ซึ่งการขุดเจาะดังกล่าวต้องอาศัยลวดสลิงคุณภาพสูง

สำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่างานก่อสร้างรวมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งภาครัฐบาลและเอกชน สอดรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และกลุ่มธุรกิจให้บริการท่าเรือ ที่มีการปรับปรุงและพัฒนา สร้างอาคารสินค้าเพื่อการส่งออก ดังนั้น มองว่าการขยายกำลังการผลิตและการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล่านี้ ล้วนมีความต้องการใช้ลวดสลิง อุปกรณ์ยกหิ้ว และผลิตที่ภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นโอกาสสำคัญของ THMUI ที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจรไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

อีกทั้ง สินค้าของ THMUI เป็นสินค้าที่ใช้แล้วเสื่อมสภาพ ลูกค้าต้องมีการเปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ จึงมองว่า แผนการระดมทุนครั้งนี้ จะเพิ่มความสามารถในการขยายตลาด และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ THMUI เป็นอีกบริษัทจดทะเบียนที่จะเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมไทยและเศรษฐกิจของประเทศ อย่างมั่นคงและยั่งยืน

สำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 60 มีรายได้จากการขายและบริการ 182.84 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 157.31 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 16.22% เนื่องจากสินค้าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และการปรับตัวขึ้นอย่างมากของระดับราคาน้ำมันดิบ ส่งผลให้ลูกค้าหลักในกลุ่มอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเคมีเริ่มฟื้นตัว รวมถึงการเติบโตของลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ของบริษัท

ส่วนกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นอยู่ที่ 72.44 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 39.62% สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.37 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนหน้าที่ขาดทุน (1.40) ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.62% อัตรากำไรสุทธิ 6.19%

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย งวดปี 57-59 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 370.98 ล้านบาท 381.12 ล้านบาท และ 356.74 ล้านบาทตามลำดับ รายได้หลักมาจากการจัดจำหน่ายลวดสลิงและชุดประกอบกว่าร้อยละ 60 ของรายได้จากการขายและบริการ ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 179.01 ล้านบาท 160.17 ล้านบาท และ 146.17 ล้านบาทตามลำดับ กำไรสุทธิอยู่ที่ 7.79 ล้านบาท 16.30 ล้านบาท และ 18.92 ล้านบาท ตามลำดับ และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 2.08%, 4.25%, 5.29% เป็นผลจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลง สะท้อนการบริหารจัดการภายในได้เป็นอย่างดี


แท็ก ข้อมูล  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ