ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,717.65 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด (+0.35%) มูลค่าการซื้อขาย 29,389.26 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,721.08 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,715.71 จุด
น.ส.จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้จากการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มสื่อสาร หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปรับตัวลงแรง และเช้านี้ตลาดฯได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงงาน-ปิโตรเคมีหลังจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก โดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกงวานนี้ได้ปรับตัวลงแรงแต่เช้านี้ได้รีบาวด์กลับขึ้นไป ส่วนหนึ่งก็ปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน และ Fund Flow ยังไหลเข้ามาในเอเชียด้วย ประกอบกับได้แรงหนุนจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางมาเยือนเอเชียในช่วงนี้ ทำให้คนหันมามองตลาดในเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะตลาด Emerging Market ที่ได้ผ่านการพักฐานไปแล้ว ดังนั้น การเดินทางมาเยือนเอเชียของ"ทรัมป์"ก็น่าจะโฟกัสที่การค้าระหว่างประเทศมากกว่า
ส่วนบ้านเราช่วงนี้ก็คงจะต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งช่วงนี้ก็คงจะมีแรงเก็งงบฯกันอยู่ และติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.) รวมถึงสัปดาห์นี้จะมีการประชุมของธนาคารกลางหลายประเทศ สำหรับมาตรการช็อปช่วยชาติที่เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ ก็อาจจะช่วยหนุนได้บ้าง แต่ก่อนหน้านี้หุ้นกลุ่มค้าปลีกก็ได้ขึ้นไปตอบรับเรื่องมาตรการช็อปช่วยชาติแล้ว ดังนั้น ก็อาจเจอ Sell on fact ได้ด้วยเช่นกัน
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.จิตรา กล่าวว่า ตลาดฯคงจะซิกแซกขึ้นต่อไปได้ โดยมีแนวรับ 1,710 จุด ส่วนแนวต้าน 1,725 จุด
ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าปรับตัวขึ้น แต่ยังติดกรอบแนวต้านที่วางไว้ คือ 1,720 จุด โดยได้แรงขับเคลื่อนจากหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กมีสัญญาณถูกเทขายทำกำไร เชื่อว่าตลาดกำลังรอปัจจัยใหม่ ๆ เช่น รอดูว่าจะมีการขยายเวลาการใช้มาตรการช็อปช่วยชาติให้นานขึ้นหรือไม่ หากมีการขยายเวลาก็อาจส่งผลตอบรับในเชิงบวก และทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้อีก แต่ถ้าผลออกมาแย่กว่าคาด อาจเห็นแรงขายทำกำไรออกมา
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายภาคบ่ายมองกรอบอยู่ที่ 1,710-1,720 จุด โดยดัชนีอาจกลับไปเคลื่อนไหวบริเวณ 1,710 จุด ส่วนการเข้าซื้อจากต่างชาติคาดว่าจะชะลอ และมีการพักตัวในระยะนี้
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,261.55 ล้านบาท ปิดที่ 94.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,514.32 ล้านบาท ปิดที่ 426.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 887.71 ล้านบาท ปิดที่ 17.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 830.97 ล้านบาท ปิดที่ 49.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 726.37 ล้านบาท ปิดที่ 58.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท