นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ภาพรวมยังอยู่ในภาวะซึมตัว แต่ยังมีลุ้นแรงซื้อหุ้นคืนจากหุ้นที่ถูกขายหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ผลประกอบการไตรมาส 3/60 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ส่วนใหญ่ยังคงเติบโตได้ค่อนข้างดี ทำให้แรงขายที่มีออกมาก่อนหน้านี้อาจเป็นเพียงการขายทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่การจัดงาน SET in the City ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ อาจจะช่วยหนุนภาพรวมการลงทุนได้ โดยมองแนวรับ 1,680 และแนวต้าน 1,710 จุด
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้อาจซึมลงได้เล็กน้อยแต่คงจะไม่ต่ำกว่าแนวรับ 1,680 จุด โดยในช่วง 1-2 วันนี้แม้ว่าภาพรวมตลาดฯจะซึม แต่ในช่วงต้นสัปดาห์ก็อาจจะมีแรงซื้อคืนจากหุ้นที่ถูกขายหนักไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากนั้นเมื่อใกล้วันสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็อาจจะเผชิญแรง Sell on fact ออกมาอีกบ้าง อย่างไรก็ดี 250 บริษัทที่ประกาศงบการเงินออกมาแล้วก็เติบโตกว่า 10% ซึ่งก็ค่อนข้างดี ดังนั้นที่ผ่านมามองว่าเป็นแค่แรงขายทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น จึงอาจมีแรงซื้อกลับคืนได้
นอกจากนี้ บ้านเรากำลังจะมีงาน SET in the City ในวันที่ 16-19 พ.ย.นี้ ก็อาจทำให้ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาช่วยตลาดฯได้ในระดับหนึ่งด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบเล็กน้อย โดยยังให้ติดตามความคืบหน้าของแผนการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯต่อไป อีกทั้งให้ติดตามการปรับน้ำหนัก และหุ้นที่จะเข้า/ออก จากการคำนวนของ MSCI
พร้อมให้แนวรับที่ 1,680 จุด และแนวต้านไว้ที่ 1,710 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,422.21 จุด ลดลง 39.73 จุด (-0.17%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,582.30 จุด ลดลง 2.32 จุด (-0.09%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,750.94 จุด เพิ่มขึ้น 0.89 จุด (+0.01%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 73.86 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.51 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 62.69 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 4.45 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.32 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.86 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 พ.ย.60) 1,689.28 จุด ลดลง 13.75 จุด (-0.81%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,706.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 56.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 43 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 พ.ย.60) ที่ 7.12 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.10 ตลาดจับตาแผนปฎิรูปภาษี-ตัวเลขศก.สหรัฐฯ มองกรอบวันนี้ 33.05-33.15
- รมว.คลัง เผยปีหน้ารัฐบาลพยายามให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ 4-5% ซึ่งคลังสามารถทำได้ แต่ต้องทำให้ถึงคนข้างล่าง โดยจะออกมาตรการช่วยผู้มีรายได้น้อย หากเศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพจะทำให้ภาคที่อ่อนแอแข็งแรงฟื้นตัว
- ในปีงบประมาณ 2561 สคร.เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจทั้ง 45 แห่ง ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ เพื่อให้เม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2561 ให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 13-14 พ.ย.
- ธปท.เผยธนาคารพาณิชย์ ยังคงทยอยปิดสาขาต่อเนื่อง ล่าสุด 10 เดือนปีนี้ปิดไปแล้ว 216 สาขาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ส่วนใหญ่เป็นการปิดสาขาของแบงก์ใหญ่และกลาง กรุงไทย กสิกร และธนชาตส่วนแบงก์เล็กยังเปิดสาขาเพิ่มเพื่อเจาะลูกค้ารายย่อย
- ปี 61 กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับงบประมาณ 5,740.38 ล้านบาท ลดลง 3.08% เทียบกับงบประมาณปี 60 แบ่งเป็นงบที่ใช้ในการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรม 5,155.07 ล้านบาท, การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) 492.20 ล้านบาท และสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 93.10 ล้านบาท โดยกระทรวงจะนำงบประมาณมาใช้เพื่อดำเนินโครงการสำคัญ 6 ด้าน สอดคล้องกับทิศทางการส่งเสริมของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 และการก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง
*หุ้นเด่นวันนี้
- COM7 (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 17.50 บาท ถึงแม้ว่า COM7 เพิ่งจะประกาศกำไรที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ไตรมาส 3/2560 ผู้บริหารยังคงเชื่อว่าไตรมาศ 4/2560 จะเป็นไตรมาศที่ดีที่สุดของปี 2560 และผู้บริหารตั้งเป้าหมายการเติบโตปี 2561 ที่ 20% นอกจากนี้ COM7 ได้เปิดตัวโปรเจก Bananastore.com ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ SME เข้าร่วมเป็น Franchise กับ COM7 โดยการคาดการณ์ของผู้บริหารสำหรับกำไรไตรมาศ 4/2560 สอดคล้องกับประมาณการ โดยคาดว่าการเปิดตัวของ iPhone 8, iPhone 8 plus, และ iPhone X จะเป็นกำลังขับเคลื่อนกำไรสุทธิที่สำคัญ ขณะที่เป้าหมายการเติบโตด้านรายได้ที่ 20% ในปี 2561 นั้นสูงกว่าประมาณการที่ 13%
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 23 บาท กำไรปกติ Q3/60 อยู่ที่ 2,417 ล้านบาท +51% Q-Q, +11% Y-Y ดีกว่าคาด จาก High Season และการเติบโตของผู้บ่วยทั้งผู้ป่วยในและนอกประเทศ กอปรกับ อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวขึ้น และบริหาร SG&A ได้ดี แนวโน้มดูดีขึ้นแต่ยังต้องติดตาม Wellness Center ที่ใกล้เปิดบริการ
- ROBINS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 85 บาท กำไรสุทธิ Q3/60 อยู่ที่ 611 ล้านบาท (+2% Q-Q, +20% Y-Y) ทั้งที่ Q3/60 เป็น Low Season แต่กำไรกลับเพิ่มขึ้น Q-Q จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวและการเปิดสาขาใหม่ หักล้างกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเล็กน้อยจากการเคลียร์ของเก่า แนวโน้มกำไร Q4/60 จะทำจุดสูงสุดของปี เพราะเป็น High Season, มีเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่ง, และได้ผลดีจากช็อปช่วยชาติ โดยปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 2561-2563 ขึ้น
- SCB (ยูโอบี เคย์เฮียน) ความเสี่ยงจากการต้องตั้งสำรองเนื่องจากปล่อยกู้ PACE ต่ำลงอย่างมาก หลัง PACE มีแผนเพิ่มทุนและการขายโครงการให้ผู้สนใจ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีเม็ดเงินมากพอสำหรับภาระผูกพันทั้งหลาย และคืนหนี้ให้กับธนาคาร