THAI เผย Q3/60 ขาดทุนเพิ่มจาก Q3/59 รับผลกระทบค่าใช้จ่ายเพิ่ม-ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 13, 2017 14:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่าในไตรมาสที่ 3/60 บริษัทได้ดำเนินการตามแผนปฏิรูปองค์กรระยะที่ 3 “การเติบโตอย่างยั่งยืน" ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยรับมอบเครื่องบินเช่าดำเนินงานเพิ่มขึ้น ทำให้มีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงานรวม 99 ลำ เพิ่มขึ้น 4 ลำ เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2559 อัตราการใช้ประโยชน์เครื่องบินเฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้น 4.3% จาก 11.6 ชั่วโมงในไตรมาส 3 ของปี 2559 เป็น 12.1 ชั่วโมงในไตรมาสนี้ ปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 7.9% แต่มีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 14.9% และมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 78.2% สูงกว่าปีก่อน ซึ่งเท่ากับ 73.5% มีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 5.99 ล้านคน สูงกว่าปีก่อน 8.9%

ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3 ของปี 2560 มีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 739 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนขาดทุน 836 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 46,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนประมาณ 6.3% สาเหตุสำคัญเนื่องจากรายได้จากค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินเพิ่มขึ้น 2,470 ล้านบาท (6.9%) จากปริมาณการขนส่งผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 14.9% ถึงแม้จะมีรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยลดลง 7.5% จากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงก็ตาม ประกอบกับรายได้จากค่าระวางขนส่งและค่าไปรษณียภัณฑ์เพิ่มขึ้น 577 ล้านบาท (12.7%) จากภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อน

ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวม 46,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,227 ล้านบาท (2.7%) เนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 1,032 ล้านบาท (9.5%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 11.3% ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าน้ำมันเครื่องบินใกล้เคียงกับปีก่อน และมีต้นทุนทางการเงิน-สุทธิลดลงจากปีก่อน 112 ล้านบาท หรือ 8.7% จากผลการบริหารเงินสดและการปรับโครงสร้างทางการเงิน

บริษัท และบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวรวมจำนวน 537 ล้านบาท และรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 1,502 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นการขาดทุนจากการตีค่าทางบัญชี จำนวน 829 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อยขาดทุนสุทธิ 1,814 ล้านบาท โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 1,825 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.84 บาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.11 บาท (15.1%)

ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 287,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2559 จำนวน 4,765 ล้านบาท (1.7%) หนี้สินรวมของบริษัทและบริษัทย่อย เท่ากับ 257,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 จำนวน 8,425 ล้านบาท (3.4%) และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 29,928 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2559 จำนวน 3,660 ล้านบาท (10.9%) เป็นผลมาจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในงวดเก้าเดือนแรกของปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ