นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายยุทธศาสตร์และวางแผนจัดหาน้ำมัน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 2/61 เป็นเวลา 45 วัน แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อผู้บริโภคและยอดขายของบริษัท เนื่องจากมีการวางแผนเร่งกำลังการผลิตเพื่อสำรองน้ำมันไว้แล้วในปีนี้ และจะดำเนินการกลั่นเต็มกำลังในช่วงที่เหลือของปี 61
นอกจากนี้บริษัทจะเดินหน้าดำเนินโครงการตามแผนที่วางไว้ ทั้งในส่วนการติดตั้งและปรับปรุง หน่วยเพิ่มออกเทนเทคโนโลยีใหม่แบบ Continuous Catalyst Regeneration (CCR) ซึ่งเป็นหน่วยที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันใส , Hydrocracker Unit (HCU) และหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) รวมถึงการขยายและปรับปรุงร้านค้าธุรกิจนอนออยล์ เช่น ร้านกาแฟอินทนิล และร้าน SPAR Supermarket เพื่อทำให้เกิดประโยชน์กลับมาในธุรกิจน้ำมันด้วย
สำหรับในปี 61 คาดว่าค่าการกลั่น (GRM) จะทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกันกับปี 60 ที่ราว 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากภาพรวมการเพิ่มกำลังการผลิตและการสร้างโรงกลั่นใหม่ในตลาดโลกชะลอตัวลง ขณะที่อุปสงค์ยังขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มค่าการกลั่นจะมีทิศทางที่ดี
ส่วนในไตรมาส 4/60 มองว่าค่าการกลั่นจะลดลงจากไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากในไตรมาสก่อนค่าการกลั่นปรับขึ้นสูงกว่าปกติ จาก ซัพพลายตึงตัวหลังเกิดพายุเฮอร์ริเคนหลายลูกในสหรัฐ จนกระทบต่อกำลังการกลั่น โดยปัจจุบันค่าการกลั่นของตลาดเฉลี่ยอยู่ราว 6.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ด้านปริมาณการกลั่นของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.11 แสนบาร์เรล/วัน
นายบัณฑิต กล่าวอีกว่า การควบรวมธุรกิจชีวภาพของบริษัทกับธุรกิจเอทานอลของ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) เป็นบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (BBGI) ซึ่ง BCP จะถือหุ้น 60% และ KSL ถือหุ้น 40% และเตรียมนำหุ้น BBGI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น เบื้องต้นคาดว่าจะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในช่วงไตรมาส 4/61