ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,705.33 จุด ลดลง 1.19 จุด (-0.07%) มูลค่าการซื้อขาย 61,883.85 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ จนมาปิดตลาดได้พลิกเป็นติดลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,715.41 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,705.00 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 538 หลักทรัพย์ ลดลง 790 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 456 หลักทรัพย์
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดพลิกเป็นลบ จากที่ยืนในแดนบวกมาได้ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะเป็นแค่แรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงเช้าตลาดฯก็ยังรับ Sentiment บวกจากนอกประเทศ ส่วนตลาดยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ
ด้านน.ส.จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้อยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ จากแรงหนุนดาวโจนส์เมื่อคืนบวกไปกว่า 200 จุด คาดลุ้นร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ แต่ยังติดตามต่อไปเพราะร่างฉบับที่ผ่านมติสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กับร่างที่วุฒิสภาสหรัฐฯจะพิจารณาเป็นคนละร่าง นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯบางตัวก็ดีมากด้วย
ส่วนบ้านเราก็มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยตัวเลขเศรษฐกิจก็ออกมาดี ไม่ว่าจะเป็นส่งออก หรือ GDP อีกทั้งตลาดฯยังได้แรงหนุนจากเม็ดเงิน LTF และ RMF พรุ่งนี้ (30 พ.ย.) MSCI จะมีการปรับน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย อาจทำให้ตลาดฯผันผวนแคบๆ และวันนี้ตลาดฯบ้านเราได้รับแรงหนุนจากกลุ่มแบงก์หลังโบรกเกอร์ต่างชาติ upgrade กลุ่มแบงก์ขึ้น
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.) น.ส.จิตรา กล่าวว่า แม้ว่าการปรับน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยตาม MSCI อาจทำให้ตลาดฯผันผวน แต่ยังมองทิศทางภาพรวมเป็นบวกอยู่ พร้อมให้แนวับ 1,706 จุด ส่วนแนวต้าน 1,720 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
AOT มูลค่าการซื้อขาย 7,606.71 ล้านบาท ปิดที่ 62.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,124.57 ล้านบาท ปิดที่ 229.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท
CBG มูลค่าการซื้อขาย 1,991.24 ล้านบาท ปิดที่ 83.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,941.01 ล้านบาท ปิดที่ 149.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,939.31 ล้านบาท ปิดที่ 482.00 บาท ลดลง 4.00 บาท