นางสาวสุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัยสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2560 มูลค่าการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำสถิติสูงสุดสอดคล้องกับภาพรวมการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างประเทศ ในตลาดหุ้นไทย โดยในปี 2560 มูลค่าถือครองหลักทรัพย์รวมของนักลงทุนเอเชียอยู่ที่ 1.68 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.88% จากปี 2559 และคิดเป็น 36.4% ของมูลค่ารวมการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด โดยกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าการถือครองหลักทรัพย์โดยรวมของนักลงทุนเอเชีย อยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงิน (Financial) และกลุ่มเทคโนโลยี (Technology)
ในปี 2560 มูลค่าการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนเอเชียทำสถิติสูงสุดที่ 1.68 ล้านล้านบาทนั้น มีปัจจัยสนับสนุนหลักจากราคาหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ สังเกตได้จากในช่วงเวลาเดียวกัน SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 9.65% และมีนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาในตลาดหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้น ทั้งในด้านจำนวนหลักทรัพย์ที่ถือครองและจำนวนนักลงทุนในตลาด
ในปี 2560 มูลค่าการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนเอเชียในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่ถือครองโดยนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนนิติบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนกลยุทธ์หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนในตลาด และกว่า 50% ของมูลค่าการถือครองหลักทรัพย์รวมของนักลงทุนเอเชียกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน (Financial) และกลุ่มเทคโนโลยี (Technology)
เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2559 พบว่า มูลค่าการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนเอเชียเพิ่มขึ้นในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มทรัพยากร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และสิ่งก่อสร้าง ที่มีมูลค่าการถือครองหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นสูง และพบว่า มูลค่าการถือครองหลักทรัพย์เกือบหมดหรือประมาณ 96.72% เป็นการถือครองโดยนักลงทุนสถาบัน
ในกลุ่มนักลงทุนเอเชีย พบว่า นักลงทุนที่มีมูลค่าการถือครองสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นักลงทุนจากสิงคโปร์ นักลงทุนญี่ปุ่น และนักลงทุนฮ่องกง ตามลำดับ โดยมีมูลค่าการถือครองหลักทรัพย์รวม 1.54 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 91.83% ของมูลค่าการถือครองหลักทรัพย์รวมของนักลงทุนในเอเชีย