(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นฟื้นตัวหลังร่วงแรงวานนี้ เล็งเม็ดเงิน LTF,RMF หนุนหลังดัชนีฯลงต่ำกว่า 1,700 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 1, 2017 09:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากที่เมื่อวานนี้บ้านเราได้ปรับตัวลงแรง จากความคาดหวังเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จะเข้ามาช่วยหนุนหลังจากที่ดัชนีฯปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1,700 จุด ขณะที่เศรษฐกิจไทยก็ออกมาดี ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก, การท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งในไตรมาส 4/60 ก็มีมาตรการ"ช็อปช่วยชาติ"เข้ามาช่วยหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยได้อีก ทำให้คาดว่าวันนี้ตลาดฯน่าจะมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกเข้ามาช่วยหนุนด้วย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบเล็กน้อย คาดว่าจะเป็นเพราะแรงกดดันจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯได้เลื่อนการโหวตเสียงร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีไปเป็นเช้าวันศุกร์ (ตามเวลาสหรัฐฯ) แต่ทั้งนี้ ตลาดฯก็ยังมีข่าวดีจากผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ได้ขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงสิ้นปีหน้า ซึ่งถือว่าดีสุดที่ตลาดคาดไว้ ทำให้น่าจะมาช่วยหนุนราคาน้ำมันให้ทรงตัวสูงได้อยู่

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,694-1,704 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,272.35 จุด พุ่งขึ้น 331.67 จุด (+1.39%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,647.58 จุด เพิ่มขึ้น 21.51 จุด (+0.82%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,873.97 จุด เพิ่มขึ้น 49.58 จุด (+0.73%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 191.97 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 83.96 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 31.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.31 จุด

ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันประสูติท่านนบีมูฮัมหมัด

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 พ.ย.60) 1,697.39 จุด ลดลง 7.94 จุด (-0.47%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 149.03 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 พ.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 57.40 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ หรือ 0.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 พ.ย.60) ที่ 7.15 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.63 ก่อนอ่อนค่ามาที่ 32.65 แนวโน้มเคลื่อนไหวตามภูมิภาค
  • ฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือน พ.ค.2560 มูลค่าการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำสถิติสูงสุดสอดคล้องกับภาพรวมการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย โดยในปี 2560 มูลค่าถือครองหลักทรัพย์รวมของนักลงทุนเอเชียอยู่ที่ 1.68 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.88% จากปี 2559 และคิดเป็น 36.4% ของมูลค่ารวมการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งกว่า 50% ของมูลค่าการถือครองหลักทรัพย์โดยรวมของนักลงทุนเอเชีย อยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มเทคโนโลยี
  • นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาคธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่องโดยคาดว่าเดือน พ.ย.นี้ การบริโภคภาคเอกชนจะกลับมาขยายตัวได้ดีหลังจากเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงจากปัจจัยชั่วคราว ประกอบกับรัฐบาลมีมาตรการช็อปช่วยชาติจะช่วยกระตุ้นการจับจ่าย ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 อาจจะขยายตัวได้ในอัตราสูงถึง 4.6% ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2560 มีโอกาส ขยายตัว 4% สูงกว่าที่ ธปท.คาดไว้ในการประมาณการก่อนหน้าว่าจะโตในอัตรา 3.8%
  • ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดระเบียบสายการบินเพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหานอมินีหรือคนไทยถือหุ้นแทนต่างชาติในสายการบินไทยที่จดทะเบียนในประเทศไทยว่า ก่อนหน้านี้ กพท.ได้ออกประกาศบังคับใช้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ(Air Operator License หรือเอโอแอล) ฉบับใหม่โดยกำหนดให้ทุกสายการบินที่จดทะเบียนในไทย 48 ราย จะต้องนำเสนอข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของแต่ละสายการบินเสนอให้ กพท.พิจารณาภายใน 20 ม.ค.61 หากสายการบินไหนไม่ยื่นข้อมูลให้ กพท.ภายในกำหนด จะถูกพักใบอนุญาตประกอบการและถูกสั่งห้ามบินทันที และหากในอนาคตต้องการทำการบินจะต้องยื่นขอเอโอแอลใหม่

*หุ้นเด่นวันนี้

  • GPI (บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล) เทรดวันนี้วันแรกใน SET โดยเสนอขาย IPO ที่ 3.50 บาท/หุ้น บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินราคาเหมาะสมที่ 4.30 บาท (ด้วยค่าเฉลี่ย PE ของ CMO ที่ 17.40 เท่า)

บริษัทฯประกอบธุรกิจรับจัดงานแสดงสินค้า และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น งาน Bangkok International Motor Show นอกจากนี้ยังผลิตและจัดจำหน่ายนิตยสารเกี่ยวข้องกับยานยนต์ โดยรายได้หลักกว่า 70% จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1 – 2 ของทุกปีจากการจัดงาน Motor Show ช่วง Q4/60 นี้ จึงมองว่าจะยังคงขาดทุน แต่ขาดทุนลดลง เนื่องจากมีการจัดงานใหญ่อย่าง Air Race 1 ที่จัดให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นงานระดับภูมิภาคเอเชีย

  • FTE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 5 บาท ผู้บริหารยังมองบวกต่อการเติบโตในปีหน้า โดยคาดรายได้ +20% Y-Y มากกว่าคาดการณ์ที่ 16% Y-Y จากการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน และการป้องกันไฟไหม้ในโรงงานมากขึ้น ขณะที่ 4Q60 มีลุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งดีกว่าที่เคยคาดว่าจะชะลอตัว Q-Q เพราะมีการปิดงานโครงการได้มากขึ้น และเป็นงานที่อัตรากำไรสูงเพราะเข้ารับงานตรงและต้นทุนถูกลงจากบาทแข็ง ขณะที่ งานขายเร่งส่งมอบได้มากกว่า 1H60 ตามการฟื้นตัวของลูกค้ากลุ่มคอนโดฯ โดยมองแนวโน้มปรับประมาณการปีนี้ขึ้น
  • TMB (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 3.15 บาท จากการเปิดเผยแผนธุรกิจของ TMB จึงปรับประมาณการกำไรปี 2561 ขึ้นเพื่อสะท้อนแนวโน้มการเติบโตของรายได้ที่ดีกว่าคาดไว้เดิม และยังมีมุมมองเป็นบวกต่อแผน 5 ปีของธนาคารที่ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้รวมเป็นเท่าตัวจากปัจจุบัน
  • BEAUTY (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 23.60 บาท ผู้บริหารได้เปิดเผยว่า ได้มีขยายช่องทางการจัดจำหน่ายโดยส่งสินค้ายอดนิยมภายใต้แบรนด์ BEAUTY BUFFET เข้าจำหน่ายในร้าน Boots 145 สาขาทั่วประเทศ โดยมีมุมมองเป็นบวกต่อการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย มองว่ายอดขายของ BEAUTY BUFFET จะเติบโตสูงYoY ใน Q4/60 จากแรงหนุนของลูกค้าไทยที่มีความเชื่อมั่นในการบริโภคมากขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่า ยอดขายของ BEAUTY BUFFET จะมีสัดส่วนอยู่ 58% ของรายได้ทั้งหมด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ