FVC เผยบอร์ดไฟเขียวเข้าซื้อสิทธิเฟรนไชส์"วุฒิศักดิ์คลีนิค" พร้อมขยายสาขา ใช้งบ 250 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 14, 2017 18:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิจิตร เตชะเกษม ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติให้บริษัท ไฮ เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์ จำกัด (HHC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเพื่อเข้าซื้อสิทธิแฟรนไชส์จาก บริษัท วุฒิศักดิ์ เซ็นเตอร์ คลีนิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (WCIG) ในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งงบลงทุนอีกไม่เกิน 200 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขาใหม่หรือซื้อสิทธิการบริหารสาขาเดิมในโซนภาคตะวันออก ซึ่ง HHC สามารถขยายสาขาและซื้อสิทธิการบริหารสาขาได้ไม่เกิน 25 สาขา ขณะที่วางเป้าหมายรายได้ราว 250 ล้านบาทในปี 61

“เริ่มแรกเราจะเข้าไปเลือกสาขาที่มีความพร้อมและเหมาะสม เพื่อที่จะเข้าบริหารสิทธิเพื่อให้มีผลตอบแทนเข้ามาทันทีในปีแรก โดยเราจะนำความรู้ความสามารถทางด้านการแพทย์เข้าไปพัฒนาให้สาขาต่างๆให้มีความแตกต่างที่มากขึ้น"นายวิจิตร กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนสำหรับ 5 ปี (61-65) ไว้ราว 500-750 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนศูนย์ฟอกไตเทียม ภายใต้บริษัทย่อย คือ บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด (KTMS) โดยมีแผนจะเพิ่มเครื่องฟอกไตเป็น 500 เครื่อง จากปัจจุบันอยู่ที่ 42 เครื่อง ซึ่งมีอัตราการใช้งานไม่ต่ำกว่า 70-75% ธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรสุทธิ 4.5% สูงกว่าธุรกิจเดิมของบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิเพียง 3-4% พร้อมคาดมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาทในปี 65 จากปีนี้ที่มีรายได้ 25 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯจะเน้นการขยายสาขาของคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมไตเทียม และการเข้าบริหารศูนย์ไตเทียมในโรงพยาบาลรัฐต่างๆ นอกจากนี้บริษัทฯจะมีการเข้าไปรับบริหารศูนย์ไตเทียมใน CLMV โดยจะเริ่มจาก สปป.ลาว ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญากับพันธมิตร และจะสามารถเริ่มเข้าดำเนินการในปี 61 ทันที

สำหรับเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากการกู้จากสถาบันทางการเงินเป็นส่วนใหญ่ โดยบริษัทฯตั้งเป้าที่จะรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ไม่เกิน 1.5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.03 เท่า

ทั้งนี้ ด้วยแผนการเติบโตที่มีอย่างต่อเนื่องของ KTMS บริษัทฯจึงมีแผนที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 63 หรือเมื่อมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท

หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเรียบร้อยแล้ว บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้ารายได้รวมในปี 61 ขึ้นเป็น 900 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่ารายได้จะเติบโตเพียง 15-20% โดยจะเป็นการเติบโตหลักมาจากธุรกิจการแพทย์และความงาม เป็นหลัก ขณะที่ธุรกิจอื่นๆที่อยู่ในกลุ่ม B1 (ธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ) และธุรกิจ B2 (ธุรกิจเพื่อการพาณิชย์และที่พักอาศัย) รวมถึงธุรกิจ B3 (ธุรกิจบริการทางการแพทย์) ก็มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ