หุ้น CPT ปิดเทรดวันแรกที่ 2.08 บาท ลดลง 0.2 บาท (-9.57%) จากราคาขาย IPO ที่ 2.30 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 752.74 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 2.34 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 2.38 บาท และราคาลงต่ำสุด 2.08 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นของ บมจ.ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ (CPT) ที่ 2.70-2.90 บาทอ้างอิง PER เฉลี่ยที่ 15-16 เท่า โดยอิงจากหุ้น ASEFA ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสวิตช์บอร์ดไฟฟ้า โดยมองว่า CPT มีอัพไซด์ในอนาคตที่สูงหากสามารถขยายกิจการในต่างประเทศได้สำเร็จและการพัฒนาธุรกิจกักเก็บพลังงาน และมีความเสี่ยงในเชิงบวกจากแนวโน้มการขยายการลงทุนของภาครัฐและเอกชนรวมถึงอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนงานขายที่เพิ่มขึ้น
บริษัทดำเนินธุรกิจประเภทจำหน่ายอุปกรณ์และระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย โดยระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมได้รับการป้อนข้อมูล (Programmable Logic Control (PLC)) ได้แก่ ระบบการควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าและส่งกำลังอัตโนมัติ (Automatic Drives and Power) และระบบตู้ไฟฟ้ากำลัง (Power Distribution Panel) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับควบคุมเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งการให้บริการหลังการขายและการซ่อมแซม โดยรายได้จากการขายตู้ไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 57% และรายได้จากการขายสินค้า 22% และมีลูกค้าหลักเป็นโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 90% ของรายได้ (โรงงานน้ำตาลคิดเป็นสัดส่วน 50% ของรายได้ในกลุ่มนี้) บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด 95% สำหรับงานกลุ่มโรงงานน้ำตาล
โครงการอนาคต : 1) การขยายตลาดไปยังต่างประเทศตามการขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาล โดยจะเริ่มทำตลาดในช่วง 1Q61 2) การผลิตตู้ไฟแบบ MCSG เพื่อรองรับการประมูลงานในต่างประเทศจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆเช่น อุตสาหกรรมหนัก โรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าภูมิภาค 3) การประกอบ RMU โดยใช้ชิ้นส่วนจาก CEE Power ในการผลิตและจำหน่าย โดย RMU ใช้ในการตัดต่อกระแสไฟฟ้าจากการนำสายไฟลงดิน 4) การขายระบบกักเก็บพลังงานทั้งจากพลังงานน้ำ, ตัวเก็บประจุไฟฟ้าเคมี, แบตเตอรี่ เพื่อเก็บไฟฟ้าไปใช้ในเวลาอื่นที่จำเป็น