"แอพเพิล เวลธ์"มองเป้า SET ปีนี้มีลุ้น 2,035 จุด รับแรงหนุน Fund Flow ครึ่งปีหลัง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 3, 2018 11:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอพเพิล เวลธ์ เปิดเผยว่า ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 61 ที่ระดับ 1,870-1,925 จุด (EPS growth 11 %, Forward P/E 17.0-17.5 เท่า ) และมี Downside ที่ระดับ 1,600-1,650 จุด (Forward P/E 14.50-15.0 เท่า)

แต่หากประเมินจาก Earning Yield Gap ของดัชนี SET ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.92% ขณะที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ระดับ 2.65% ส่งผลให้ดัชนี SET ยังสามารถปรับขึ้นไปเทรดที่ระดับ Forward P/E 18.5 เท่า ซึ่งจะมีระดับดัชนีเป้าหมายปี 61 ที่ 2,035 จุด โดยปัจจัย Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติที่มีโอกาสไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 61 เป็นปัจจัยหนุนดัชนี

“หากย้อนดูความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีหุ้นไทย, การเมือง และการซื้อขายต่างชาติในช่วงรัฐประหารปี 49 จะเห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อมีสัญญาณบวกของการเลือกตั้ง นักลงทุนต่างชาติมักจะเริ่มทยอยซื้อสะสมอีกครั้ง ดังนั้น หากสถานการณ์การเมืองปัจจุบันเป็นไปตาม Road Map คาด กฎหมายเลือกตั้งจะเสร็จในช่วง มิ.ย.61 และการเลือกตั้งใหม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วง พ.ย.61 ฝ่ายวิเคราะห์จึงประเมินมีโอกาสจะเห็นสัญญาณการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติในช่วง เม.ย.-พ.ค.61 นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกผลักดัชนีหุ้นไทย"นายอภิชัย กล่าว

ขณะที่แนวโน้มกำไร บริษัทจดทะเบียน (บจ.)ไทยปี 61 มีโอกาสกลับมาขยายตัวได้ที่ระดับ 11.20 % ( YoY ) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดสินเชื่อจะขยายตัว 7 %, กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอาจจะสูงกว่า 55 ดอลลาร์/บาร์เรล รวมถึงกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวตามกำลังซื้อในประเทศ

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยคาดฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 61 มีโอกาสขยายตัว 3.5-4.6 % โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกปีหน้ายังขยายตัวที่ระดับ 3.7% ส่งผลบวกต่อภาคส่งออกไทย ซึ่งคาดยังขยายตัวได้ที่ระดับ 6% ต่อเนื่องจากปี 60 ที่การส่งออกคาดจะขยายได้ที่ระดับ 10%

ส่วนการลงทุนภาครัฐปี 61 คาดจะเพิ่มขึ้น 9.0% จากปีก่อนที่เพิ่มขึ้น 0.9 % จากแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรวมมูลค่ากว่า 7.80 แสนล้านบาท เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และสายสีส้มตะวันตก รวมมูลค่า 2 แสนล้านบาท รวมถึงรถไฟรางคู่เฟส 2 มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน คาดจะเพิ่มขึ้น 2.3% จากปี 60 ที่เพิ่มขึ้น 1.6 % จากแรงหนุนการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยซื้อลงทุน หุ้นในกลุ่มธนาคาร BBL, KBANK, SCB, KTB, TMB, BAY แนวโน้มดอกเบี้ยโลกเป็นขาขึ้นและสินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวได้ระดับ 7-8% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และมูลค่าหุ้นกลุ่มธนาคารยังเทรดต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/BV ย้อนหลัง 3 ปี กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, IRPC ทิศทางราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสูงกว่าระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล

กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK, STEC, UNIQ, SEAFCO, PYLON งบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกว่า 7.80 แสนล้านบาท กลุ่มสื่อโฆษณา PLANB, VGI งบโฆษณาเริ่มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ กลุ่ม Soft Commodity STA , TRUBB , KSL จากราคายางพารา น้ำตาลมีแนวโน้มฟื้นตัวตามราคาน้ำมัน

ส่วนปัจจัยความเสี่ยงที่ต้องระวัง คือ การปรับลดงบดุลของเฟด , แนวโน้มดอกเบี้ยโลกที่เริ่มเป็นขาขึ้น , ความไม่สงบในตะวันออกกลางและเกาหลีเหนือ , หากการเลือกตั้งในไทยไม่เป็นไปตามโรดแมพ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ