GGC คาดเสนอโครงการไบโอคอมเพล็กซ์เฟสแรกมูลค่าราว 7 พันลบ.เข้าบอร์ด Q3/61 เริ่มสร้างปลายปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 9, 2018 17:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจิรวัฒน์ นุริตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำเสนอโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ เฟส 1 ในจังหวัดนครสวรรค์ มูลค่าราว 7 พันล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในไตรมาส 3/61 เนื่องจากต้องรอความชัดเจนของการแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ให้มีผลบังคับทางกฎหมายก่อน เพื่อให้สามารถนำน้ำอ้อยไปผลิตเป็นสินค้าอื่นได้นอกเหนือจากน้ำตาลทราย

สำหรับโครงการดังกล่าวจะเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท และ บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) ฝ่ายละ 50% โดยจะมีการผลิตไบโอเอทานอล ,โรงไฟฟ้าและไอน้ำ ซึ่งจะเป็นการหีบอ้อยเป็นน้ำอ้อยเพื่อผลิตเป็นเคมีภัณฑ์ในอนาคต โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ปลายปีนี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี

ขณะเดียวกันมีแผนจะดำเนินโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ เฟสที่ 2 ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อต่อยอดจากเฟสแรกที่เป็นการทำเชื้อเพลิงชีวภาพ ให้เป็นผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพในระยะต่อไป ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้หลังจากเปิดเฟสแรกไปแล้ว 2-3 ปี

นายจิรวัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาลงทุนอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการผลิตกลีเซอรีนบริสุทธิ์ กำลังการผลิต 2 หมื่นตัน/ปี มูลค่าลงทุน 500 ล้านบาท จะเสนอคณะกรรมการพิจารณาในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 21-24 เดือน

และ โครงการผลิตโอลีโอเคมีชนิดพิเศษ (Specialty Oleochemicals) กำลังการผลิต 14,000 ตัน/ปี มูลค่าลงทุนราว 600-900 ล้านบาท จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในช่วงกลางปีนี้ และจะใช้เวลาก่อสร้างราว 21-24 เดือน โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตเมทิลเอสเทอร์ หรือไบโอดีเซล (B100) ที่บริษัทผลิตอยู่ในปัจจุบัน โดยโอลีโอเคมีชนิดพิเศษดังกล่าวจะใช้ในอุตสาหกรรมสารทำความสะอาดผิวกาย บำรุงผิว เป็นต้น

อนึ่ง ในวันนี้บริษัทได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการชี้ทิศทางและสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีฐานด้านตัวเร่งปฏิกิริยาและวิศวกรรมปฏิกิริยาเคมี สำหรับอุตสาหกรรมไบโอดีเซล อุตสาหกรรมเอทานอล และอุตสาหกรรมที่ใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน เพื่อให้บริษัทได้รับสิทธิทางข้อมูลของการวิจัยเกี่ยวกับตัวเร่งปฎิกริยาในกระบวนการในภาพรวม ข้อมูลทิศทางการใช้ประโยชน์ไบโอดีเซลเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทในอนาคต

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานผลิตเมทิลเอสเทอร์ แห่งที่ 2 ขนาด 2 แสนตัน/ปี มูลค่า 1.65 พันล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/61 เร็วกว่าแผนเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/61 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังผลิตเมทิลเอสเทอร์เพิ่มเป็น 5 แสนตัน/ปี โดยกำลังผลิตจากโรงงานแห่งที่ 2 นี้จะส่งออกทั้งหมด

นายจิรวัฒน์ กล่าวอีกว่า กลุ่มผู้ผลิตไบโอดีเซลจะเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนการใช้ B100 ผสมในน้ำมันดีเซลมากขึ้น จากปัจจุบันที่ผสมอยู่ 7% เป็น B7 ซึ่งหากเพิ่มการผสมเป็น 10% หรือ B10 ก็เชื่อว่าจะช่วยดูดซับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบได้เพิ่มขึ้น ราว 40,000 ตัน/เดือน ซึ่งจะช่วยลดสต็อกน้ำมันปาล์มดิบที่ปัจจุบันมีอยู่สูงถึง 4 แสนตัน จากระดับสต็อกปกติที่อยู่ระดับ 2-3 แสนตัน ขณะที่ในบางประเทศ อย่างมาเลเซีย ก็เตรียมบังคับใช้ B10 อย่างเป็นทางการ และในบางพื้นที่ของอินโดนีเซียก็ใช้ B15 เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ