TSTH เผยปริมาณขายงวดปี 60/61 ราว 1.24-1.25 ล้านตัน ลดลงจากเดิมคาด 1.26-1.28 ล้านตัน,หันส่งออกเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 1, 2018 14:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าปริมาณขายรวมในงวดปี 60/61 (เม.ย.60-มี.ค.61) เป็น 1.24-1.25 ล้านตัน ลดลงจากเดิมที่เคยปรับเป้าขึ้นมาที่ 1.26 -1.28 ล้านตัน โดยในงวด 9 เดือนของงวดปี 60/61 มีปริมาณขายรวม 9.01 แสนตัน เนื่องมาจากตลาดในประเทศซบเซา โครงการลงทุนโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมายังชะลอตัว ส่งผลให้การขายเหล็กเส้นที่เป็นสินค้าหลักปรับตัวลดลง ทำให้บริษัทหันไปส่งออกเพิ่มขึ้น และเน้นตลาดสินค้ามูลค่าเพิ่ม ได้แก่ เหล็กตัดและดัด (Cut and Bend) และ เหล็กลวดที่ตลาดในประเทศยังมีทิศทางที่ดี

ในไตรมาส 4 งวดปี 60/61 (ม.ค.-มี.ค.61) นายราจีฟ คาดว่า ปริมาณขายรวมราว 3.15 แสนตันดีกว่าไตรมาส 3 งวดปี 60/61 (ต.ค.-ธ.ค.60) ที่มีปริมาณขาย 3.01 แสนตันซึ่งลดลงจากไตรมาส 2 เพราะมีวันหยุดพิเศษและวันหยุดยาว ขณะที่ราคาขายคาดว่าจะใกล้เคียงไตรมาส 3

โดยในไตรมาส 4 งวดปี 60/61 มียอดส่งออก 4 หมื่นตันเพิ่มจากไตรมาส 3 งวดปี 60/61 ที่ 2.05 หมื่นตัน โดยบริษัทมีตลาดส่งออกใหม่คือที่อินเดีย ที่มียอดคำสั่งซื้อ 2 หมื่นตันส่งมอบในเดือน ม.ค. และ ก.พ.นี้ และตลาดจีน ที่เป็นครั้งแรกที่ส่งเข้าไป เป็นเหล็กลวดคาร์บอนสูง จำนวน 300 ตันส่งมอบในก.พ. หากตลาดตอบรับดีก็อาจมียอดส่งออกเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีตลาดส่งออกในอาเซียน ได้แก่ ลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย และในมาเลเซียคาดว่าบริษัทจะได้รับอนุมัติใบรับรองในเดือนก.พ.นี้หากผ่านก็สามารถส่งออกไปได้ ส่วนในตลาดออสเตรเลีย อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบรับรอง ขณะที่ปริมาณขายเหล็กเส้นและเหล็กตัดและดัดราว 1.7-1.75 แสนตันใกล้เคียงไตรมาส 3/60-61 ส่วนเหล็กลวดคาดมียอดขาย 9 หมื่น-1 แสนตัน จากไตรมาส 3 งวดปี 60/61ที่มียอดขาย 9.14 หมื่นตัน

นายราจีฟ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทส่งออกเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน โดยมีสัดส่วนส่งออก 9%จากปีก่อนอยู่ประมาณ 6% ทั้งนี้เพื่อมาชดเชยรายได้ในประเทศที่ชะลอไป แม้ว่าเงินบาทแข็งค่าแต่บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว ขณะเดียวก้นบริษัทได้ประโยชน์จากการนำเข้าเศษเหล็ก ขณะที่ยอดขายเหล็กมูลค่าเพิ่ม อาทิ เหล็กตัดเหล็กต้านแผ่นดินไหว และเหล็กเส้นแรงดึงสูง เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 22-25%

ขณะที่การผลิตเหล็กของจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพ.ย.60 เห็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะรัฐบาลต้องการปรับสมดุลการผลิตและความต้องการในจีน รวมถึงคำนึงเรื่องสิ่งแวดล้อมที่มีกฎหมายเกี่ยวกับมลภาวะที่มีบทลงโทษรุนแรง ทำให้บางโรงงานต้องยกเลิกการผลิตไป โดยการส่งออกเหล็กของจีนในปี 60 ลดลง 30% จากส่งออก 42 ล้านตันเหลือ 16 ล้านตันก็ส่งผลดีต่อไทยและภูมิภาคนี้ ขณะที่ราคาเหล็กในจีนยังคงสูงขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลต่อราคาสินค้าสำเร็จรูปและวัตถุดิบในภูมิภาคและทั่วโลก

"ปีนี้(งวดปี 60/61) ตลาดในประเทศซบเซา เราต้องมาส่งออกเพิ่มเพื่อมาชดเชย และเพิ่มยอดขายเหล็กลวดและ เหล็ก Cut and Bend แต่ในปีนี้ราคาไม่น่าจะดีกว่าปีก่อน" นายราจึฟ กล่าว

ส่วนการขายเครื่องจักร-อุปกรณ์เตาถลุง MBF ในราคา 15.15 ล้านเหรียญให้กับบริษัทในอินเดีย จะทยอยดำเนินการขนย้ายไปอินเดียใน 18 เดือนนี้ โดยจำนวนเงินที่ขายได้บันทึกในไตรมาส 3 งวดปี 60/61 แต่เนื่องจากเงินบาทแข็งค่ามากทำให้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนไป 35 ล้านบาทหรือเท่ากับกำไรหายไป 35 ล้านบาท และส่งผลให้มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 งวดปี 60/61 มาเป็น 240 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ