(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดตปท. สอดคล้อง Bond Yield สหรัฐฯอ่อนลง-เงินดอลลาร์อ่อนค่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 13, 2018 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์ได้ฟื้นตัวแรง และส่งผลให้ตลาดในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวก ซึ่งสอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ (Bond Yield) ที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงด้วย ทำให้นักลงทุนก็กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

นอกจากนี้ สหรัฐฯยังมีการเปิดเผยถึงแผนลงทุนในอนาคต ทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ อย่างไรก็ดีให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของสหรัฐฯในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาด 1.9% ถ้าออกมามากกว่านี้ก็มีความเสี่ยงทำให้ Bond Yield อาจพุ่งสูงขึ้นอีกรอบได้

พร้อมให้นแนวรับ 1,794 จุด ส่วนแนวต้าน 1,820 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,601.27 จุด พุ่งขึ้น 410.37 จุด (+1.70%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,656.00 จุด เพิ่มขึ้น 36.45 จุด (+1.39%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,981.96 จุด เพิ่มขึ้น 107.47 จุด (+1.56%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 250.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 21.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 390.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 17.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 19.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.64 จุด

ส่วนตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุด

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ก.พ.61) 1,799.45 จุด เพิ่มขึ้น 13.00 จุด (+0.73%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,151.33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ก.พ.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 59.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 9 เซนต์ หรือเกือบ 0.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ก.พ.61) ที่ 7.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.64 แกว่งในกรอบ ตลาดรอติดตามความเห็นทิศทางเศรษฐกิจของกนง.กลางสัปดาห์นี้
  • "แบงก์ชาติ" ออกหนังสือเวียน กำชับธนาคารพาณิชย์ ห้ามยุ่งเกี่ยว "เงินดิจิทัล" ทั้งลงทุน ซื้อขาย ให้คำแนะนำ ตลอดจนห้ามใช้บัตรเครดิตรูดซื้อ ห่วงเกิดปัญหาตาม เหตุระบุผู้ออกไม่ได้ แถมยังไร้สินทรัพย์อ้างอิง ด้านสมาคมแบงก์ฯ ย้ำ เงินดิจิทัลไม่ใช่ธุรกรรมหลักแบงก์ ขณะวงการคริปโตเคอเรนซี เชื่อเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว เพื่อรอความชัดเจนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • คลัง มั่นใจภาษีที่ดิน มีผลบังคับใช้ทันปีหน้า อัตราเพดานจัดเก็บ ลดลง 40% จากร่างเดิม ช่วยรัฐเพิ่มรายได้ ในระยะแรก 2.5 พันล้านบาทต่อปี ด้านผู้เชี่ยวชาญ ภาษีแนะเปลี่ยนการถือครองที่ดินจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล ช่วยลดภาระภาษี เชื่อเจ้าสัวเตรียมจัดตั้งบริษัทถือครองที่ดินมากขึ้น
  • ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันลง 1.4126 บาท/กิโลกรัม (กก.) จากเดิมที่กองทุนน้ำมันชดเชยที่ 4.7880 บาท/กก. เป็นชดเชย 3.3754 บาท/กก. ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ. 2561 เป็นต้นไป โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) โดยราคาขายปลีกยังคงเดิมอยู่ที่ 19.82 บาท/กก.
  • ธปท.คาดสินเชื่อแบงก์ปีนี้โต 6-8% เอ็นพีแอลทรงตัวที่ 2.9% จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น แต่ต้องจับตาสินเชื่อบ้านหนี้เสียยังเพิ่ม จากกลุ่มเอสเอ็มอีบุคคล เผยแนวโน้มรายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์ปีนี้ลดลง ถูกกระทบจากโอนเงินพร้อมเพย์ที่เพิ่มขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SVOA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อลงทุน"เป้า 3.50 บาท กำไรของ LIT ที่ออกมาดีเป็นบวกกับ SVOA จากการถือหุ้นอยู่ 35% โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ Q4/60 ของ SVOA ที่ทำไว้ 29 ล้านบาท อาจต่ำเกินไป ขณะที่ถ้ากำหนดให้ปัจจัยอื่นคงที่ การปรับขึ้นของ LIT ทุก 0.20 บาท/หุ้น จะเป็นบวกกับ SVOA 0.02 บาท/หุ้น Valuation ยังถูกมาก PE2561 เพียง 11 เท่า
  • S11 (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 10.20 บาท คาดปี 61 กำไรเติบโตก้าวกระโดด โดยคาดกำไรปี 61 ที่ 527 ล้านบาท (EPS 0.86) เติบโต 28% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขยาย Dealer ,การออกรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของ Honda เบื้องต้นคาด Loans Growth ที่ 15% ในขณะที่ Spread ดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 24% จากปี 60 ซึ่งอยู่ที่ 23.84% จาก NPL ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไม่มากทำให้ไม่ต้องตัดจำหน่ายดอกเบี้ยรอตัดบัญชีมากเหมือนปี 60 คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นทำให้ Credit Cost ปรับตัวลดลงสู่ระดับปกติที่ 6.4% จากปี 60 ซึ่งอยู่ที่ 7.40% ในขณะที่ Cost to Income ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 21.80% จากค่าใช้จ่ายพนักงานจากการรับพนักงานเพิ่มขึ้นเพิ่มรองรับการเติบโตในอนาคต ด้านราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ FW PE 61 เพียง 9.47 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นในกลุ่ม Leasing ซึ่งเทรดที่ FW PE 61 ที่ 15 เท่า
  • AMANAH (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 ฟื้นตัวขึ้นจากพอร์ตสินเชื่อที่โตขึ้นและหนี้เสียที่ชะลอตัวลง การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดเป็นบวกต่อต้นทุน อีกทั้งราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง PER 2561 ที่ 12x ถูกกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มมาก
  • VNT (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดรายงานไตรมาส 4/60 มีกำไรโดดเด่นจากการไม่มีรายการพิเศษเช่น 3 ไตรมาสแรก ขณะที่ราคา Caustic soda ในระดับสูง คาดส่งผลบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 2561 ราคาที่ผ่าน 29.50 บาท ทำให้มีลุ้นทดสอบแนวต้าน 35 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ