(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวขึ้น เล็งแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯหลังราคาน้ำมันปรับขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 23, 2018 09:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นมาสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ และดัชนี SET เมื่อวานนี้ก็ปิดแถวระดับแนวรับ 1,790 จุดด้วย

นอกจากนี้ คาดว่าตลาดฯจะได้แรงหนุนจากการทยอยประกาศจ่ายปันผลของหุ้นในกลุ่มแบงก์ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้จะค่อนไปทางบวก แต่นักลงทุนก็ยังระวังการลงทุนเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) สูง และยังวิตกว่าการเลือกตั้งอาจจะล่าช้าออกไป อย่างไรก็ดีให้รอดูสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับในต้นเดือนหน้า ซึ่งก็จะเป็นตัวชี้วัดการเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปหรือไม่

พร้อมให้แนวรับ 1,790-1,785 จุด ส่วนแนวต้าน 1,800 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,962.48 จุด เพิ่มขึ้น 164.70 จุด (+0.66%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,703.96 จุด เพิ่มขึ้น 2.63 จุด (+0.10%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,210.09 จุด ลดลง 8.14 จุด (-0.11%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 53.28 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 323.40 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 26.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.85 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 20.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.41 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ก.พ.61) 1,788.63 จุด ลดลง 12.53 จุด (-0.70%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 599.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ก.พ.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 62.77 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ก.พ.61) ที่ 7.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.49 แนวโน้มแข็งค่า ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 31.38-31.55
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยการประเมินความเสี่ยงเศรษฐกิจมีความยากและซับซ้อนมากขึ้น อีกทั้งมีความผันผวนจากความคาดหวังและมุมมองของตลาดที่สวนทางกัน ซึ่งได้เกิดขึ้นแล้วในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาก และผลตอบแทนพันธบัตรไม่ปรับเพิ่มขึ้นทั้งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้ว 4 ครั้ง ตั้งแต่ปลายปี 2559 จาก 0.5% เป็น 1.5% ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติ ส่งผลให้ค่าเงินในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วแข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์
  • สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.).มีแนวคิดที่จะเปิดให้บริการดาวเทียมเสรี เพื่อเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาให้บริการดาวเทียมในประเทศไทย (แลนดิ้งไลน์) โดยต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ สดช.กำหนดขึ้น คือ 1.ใช้ในภารกิจของพระราชวงศ์ บุคคลสำคัญ ภัยพิบัติแห่งชาติ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 2.ให้บริการในระยะสั้น และมีการกำหนดเวลาที่แน่นอนที่เป็นบริการเฉพาะ เช่น การถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอล 3.ให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสาธารณะและสังคม 4.ส่งเสริมสนับสนุนการบริการรับส่งสัญญาณของผู้ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่กำกับดูแลโดยใช้สถานีภาคพื้นดินภายในประเทศ
  • กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) คาดการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปี 61 อยู่ที่ 154.69 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบทรงตัวเฉลี่ย 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
  • "สมคิด"หารือรมช.พัฒนาเศรษฐกิจ สหพันธรัฐรัสเซีย เล็งตั้งกองทุนสนับสนุนสตาร์ตอัพร่วมกัน เตรียมยกคณะทีมเศรษฐกิจเยือนรัสเซีย เดือนพ.ค.นี้ ชักชวนลงทุนเมืองนวัตกรรรมในอีอีซี ด้านไบโอเทค หุ่นยนต์โรโบติก รองนายกฯพอใจส่งออกม.ค.พุ่ง 17.6% เร่งศก.ก้าวกระโดดไปสู่ดิจิตอล

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CPALL (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 94 บาท เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความมั่นคงและมีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อปี (CAGR) 14.2% ในช่วง 3 ปี (2561-2563) โดยบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายขยายสาขาเป็น 13,000 สาขาภายในปี 2564 ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนลดลงจาก 2.6 เท่าในปี 2559 เป็น 1.7 เท่าในปี 2560 และคาดจะลดลงเหลือ 1.4 เท่าในปีนี้
  • MODERN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" แนวโน้มกำไร Q4/60 จะดีกว่าที่คาดไว้เดิม (คาด 72 ลบ. น่าจะทำได้ 80-85 ลบ. โตทั้ง Q-Q, Y-Y) เพราะตลาดออฟฟิสกลับมาโตแรง จึงคาดกำไรทั้งปี 2560 จบที่ 215 ลบ. +24% Y-Y และปี 2561 ยังฟื้นต่อเนื่อง ตามตลาดออฟฟิสและมิกซ์ยูสเปิดใหม่ที่ขยายตัวเร็ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้อัตรากำไรสูงกว่าบ้านและคอนโด พร้อมคาดปันผลเฉพาะ H2/60 ที่ 0.20 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 4% PE2561 แค่ 14 เท่า
  • IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 70 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลงจากแรงขาย Sell on fact ตอบรับงบ Q4/60 ที่ออกมาดีไปแล้ว จึงมองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากโมเมนตัมของผลกำไรที่แข็งแกร่งยังไม่จบระยะสั้นได้แรงหนุนจาก Spread PTA ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็น 125$/ton เทียบกับค่าเฉลี่ยในปี 2017 ที่ 100$/ton และยังมีข่าวดีจากการประกาศเข้าซื้อกิจการ(M&A)เพิ่มอีกในช่วงปลาย Q1/61 เป็นอีกหนึ่ง upside ให้ IVL ในปีนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ