บล.ทรีนิตี้ มองโอกาสน้อย SET Index หลุด 1,750-1,760 จุด แนะลดถือเงินสดเข้ารับหุ้นหากอ่อนตัวแตะแนวรับ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 2, 2018 16:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ให้มุมมองทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสำหรับเดือน มี.ค.61 ว่า กรณีฐาน SET Index มีโอกาสน้อยที่จะหลุดแนวรับที่ 1,750–1,760 จุด ซึ่งถือเป็นระดับต้นทุนดัชนีของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่มีการเข้าซื้อหุ้นอย่างหนักนับตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.60 โดยหากดัชนีลงมาที่ระดับนี้แนะนำให้ลดการถือเงินสดเพื่อมาลงทุนในหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรหรือ Bond yield สหรัฐฯ โดยหาก Bond yield สหรัฐฯ รุ่นอายุ 10 ปียังคงยืนอยู่ในระดับสูงหรือสูงกว่า 2.8% คาด Fund flow หรือกระแสเงินทุนต่างชาติจะยังไม่มีทิศทางไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยมากนัก เนื่องจาก Valuation หรือมูลค่าของตลาดหุ้นไทยยังไม่ถูกสนับสนุนด้วยปัจจัยพื้นฐาน

ทั้งนี้ ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หรือ EPS ในปีนี้ยังไม่ได้ถูก Upgrade ขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญเหมือนกับตลาดหุ้นประเทศอื่น จึงทำให้ระดับ Earning yield gap (ส่วนต่างผลตอบแทนจากการลงทุนเทียบกับ Bond yield สหรัฐฯ) ของตลาดหุ้นไทยยังไม่อยู่ในระดับที่จูงใจในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งล่าสุดอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี

แต่อย่างไรก็ดีด้วย Bond yield ของไทยที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้ Earning yield gap ของ SET Index เมื่อเทียบกับ Bond yield ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงค่าเฉลี่ย ทำให้นักลงทุนในประเทศไม่มีแรงจูงใจที่จะโยกเงินออกจากตลาดหุ้นเข้าสู่ตราสารหนี้ ประกอบกับสภาพคล่องภายในประเทศที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนจากการเติบโตของปริมาณเงินที่ทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปีจึงเป็นแรงที่ช่วยประคับประคอง SET Index ให้ทรงตัวอยู่ได้

สำหรับปัจจัยสำคัญอื่นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในเดือนนี้ ได้แก่ การเลือกตั้งทั่วไปของอิตาลี‪ในวันที่ 4 มี.ค.หากกลุ่มพรรคฝ่ายกลาง-ขวาได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่จนจัดตั้งเป็นรัฐบาลได้มองว่า กระแสหรือประเด็น Italyexit (การเรียกร้องให้อิตาลีออกจากการร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป) จะมีโอกาสกลับมาสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นได้อีกครั้ง

ปัจจัยสำคัญถัดมาที่ต้องติดตามได้แก่อัตราค่าจ้างรายชั่วโมงของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมา‪ในวันที่ 9 มี.ค.หากปรับตัวสูงขึ้นต่อ มีโอกาสทำให้ Bond yield สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นต่อเช่นกัน แต่หากการประชุมคณะกรรมการ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ใน‪วันที่ 20-21 มี.ค.ยืนยันผ่าน Dot plots ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง เป็นระดับที่นักลงทุนในตลาดได้รับรู้ไปเกือบหมดแล้ว ประเมินว่า Bond yield สหรัฐฯ มีโอกาสทยอยปรับตัวลดลงลงหลังจากนั้นได้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ