WHAUP คาดรายได้ปีนี้โต 10-15% วางงบลงทุน 1.4 พันลบ.ในธุรกิจโรงไฟฟ้า-ก๊าซฯ-สาธารณูปโภค

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 5, 2018 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโต 10-15% จากปีก่อน โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และธุรกิจสาธารณูปโภค ในสัดส่วน 50:50

ทั้งนี้ ธุรกิจโรงไฟฟ้าปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้จะเติบโต 10-15% โดยจะมีการรับรู้รายได้จากโซลาร์รูฟท็อป ขนาด 0.9 เมกะวัตต์ ที่จะสามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ (COD) ได้ในช่วงไตรมาส 1/61 ขณะที่จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มกัลฟ์ จำนวน 4 โครงการเข้ามาเต็มปี ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ วีทีพี ,โครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 1 ,โครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 2 และโครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 3

นอกจากนี้ธุรกิจสาธารณูปโภค บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 13-15% จากปริมาณการขายน้ำที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 13% มาอยู่ที่ระดับ 113 ลูกบาศก์เมตร จากปีก่อนที่อยู่ 100 ลูกบาศก์เมตร จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้ากัลฟ์ ทีเอส 4 รวมถึงความต้องการใช้น้ำของลูกค้าในกลุ่มนิคมอุสาหกรรมทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยเป็นการจับมือกับบริษัทแม่คือบมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เพื่อดำเนินการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงของการขออนุญาตจัดตั้งบริษัทที่ประเทศเวียดนาม คาดว่าจะดำเนินการจัดตั้งและก่อสร้างได้ในเดือนมี.ค.นี้ เป็นต้นไป และคาดจะเห็นความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมได้ในปี 62 และนอกเหนือจากประเทศดังกล่าวแล้ว บริษัทฯยังมองโอกาสที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศเมียนมาเป็นเป้าหมายถัดไปด้วย

พร้อมกันนี้บริษัทฯ วางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 1.4 พันล้านบาท โดยจะใช้ลงทุนในส่วนของโรงไฟฟ้าจำนวน 800 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวน 3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 64.5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 62 อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับอาคารของ WHA ขนาด 10-20 เมกะวัตต์ คาดจะสามารถ COD ได้ในปี 62 และน่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ขณะที่การขยายธุรกิจสาธารณูปโภคไปยังต่างประเทศ หรือในประเทศเวียดนาม คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท

ส่วนการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช คาดใช้เงินลงทุนจำนวน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอ็นจีดี 2 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้ลูกค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ภายในไตรมาส 3/61 และโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 4 คาดว่าจะแล้วเสร็จและจำหน่ายก๊าซฯได้ภายในปี 62

นายเผ่าพิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ เตรียมออกหุ้นกู้ปีนี้มูลค่า 5 พันล้านบาท โดยจำนวน 4 พันล้านบาท จะนำไปใช้คืนหนี้สถาบันทางการเงิน เพื่อลดต้นทุนทางการเงินลง ซึ่งน่าจะส่งผลทำให้กำไรปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 เม.ย.61 โดยจะมีการเสนอต่อผู้ถือหุ้นขออนุมัติวงเงินการออกหุ้นกู้มูลค่า 8 พันล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ