FVC คาดรายได้ปี 61 โตกว่าเป้าที่ 15-20% หลังรับรู้สาขาวุฒิศักดิ์ พร้อมรุกขยายผลิตภัณฑ์ใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 8, 2018 11:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิจิตร เตชะเกษม ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) เปิดเผยว่า บริษัทจะมีรายได้ปี 61 โตกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 15-20% หรือราว 700-800 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากบริษัท ไฮ เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์ จำกัด (HHC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ทำสัญญาแฟรนไชส์และสัญญาซื้อขายทรัพย์สิน"วุฒิศักดิ์คลินิก"จำนวน 25 สาขา โดยจะรับรู้รายได้เข้ามาแล้ว 21 สาขาแรกตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.เป็นต้นมา และทั้งปีนี้คาดหวังจะรับรู้รายได้เข้ามากว่า 200 ล้านบาท ส่วนอีก 4 สาขาที่เหลือจะพิจารณาอีกครั้งหลังจัดการบริหารสาขาที่เข้ารับโอนมาแล้วประสบความสำเร็จ

ประกอบกับ สินค้าในกลุ่มระบบน้ำ ได้แก่ ธุรกิจ B1 (ธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ) มีแนวโน้มเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมาย 120 ล้านบาท โดยจะมีการรับโครงการมากขึ้น ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/61 มีโครงการ 2-3 โครงการเกี่ยวกับการจัดการน้ำดี-น้ำเสีย

และธุรกิจ B2 (ธุรกิจเพื่อการพาณิชย์และที่พักอาศัย) ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ระดับ 270 ล้านบาท คาดว่าจะทำได้ตามเป้าจากไตรมาส 4/61 เป็นช่วง high season

ส่วนธุรกิจ B3 (ธุรกิจบริการทางการแพทย์) ยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 200 ล้านบาท (ไม่รวมวุฒิศักดิ์คลินิก) โดยภายในไตรมาส 1/61 มีแผนการเตรียมเปิดประกวดราคาเพิ่มหน่วยไตเทียม เฟส 2 ให้ผู้รับเหมาเข้าติดตั้งภายในปลายไตรมาส 3/61 ถึงต้นไตรมาส 4/61 ภายใต้เป้าหมายเพิ่มเครื่องให้บริการไตเทียมเป็น 100 เครื่อง จากเดิมราว 40-50 เครื่อง ซึ่งบริษัทวางงบลงทุน 30-40 ล้านบาท ไม่รวมงานตกแต่งและอุปกรณ์

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจะมีอัตรากำไรขั้นต้นจาก 3 กลุ่มธุรกิจดังกล่าวที่ระดับราว 25-28%

"มองแนวโน้มไตรมาสที่ 1/61 ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากรับรู้สาขาวุฒิศักดิ์เข้ามาเพิ่ม แม้ record HHC วุฒิศักดิ์ยังน้อย โดยบริษัทกำลังทำ FVC employee branding เพื่อให้พนักงานรับรู้อัตลักษณ์การทำงาน จากรับพนักงานเข้ามาเพิ่ม 200 คน โดยธุรกิจ B1 คาดว่าทำได้ถึงเป้าจากการเปลี่ยน position ธุรกิจในการรับโครงการมากขึ้น และธุรกิจ B2 อาจใกล้เคียงหรือต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย เนื่องจากเป็น season และธุรกิจ B3 จะเดินหน้าต่อไปได้" นายวิจิตร กล่าว

สำหรับธุรกิจที่จะมีผลอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ ได้แก่ 1.)ธุรกิจ Water Int ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าธุรกิจอื่น ๆ โดยจะเริ่มทดสอบกับ บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด (KTMS) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการศูนย์ไตเทียมในช่วง มี.ค.นี้ โดยจะช่วยประหยัดไฟได้ราว 20-30% และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/61

2.) ธุรกิจศูนย์ไตเทียม KTMS ซึ่งบริษัทจะมีการขยายเครื่องบริการไตเทียมและการขายน้ำยาไตเทียม และ 3.) วุฒิศักดิ์คลินิก โดยคาดว่า 3 ธุรกิจดังกล่าวจะช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทให้เติบโตได้อย่างนัยสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ