"สมคิด" มอบนโยบาย KTB ปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี ขยายบริการให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 14, 2018 18:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้ธนาคารกรุงไทย (KTB) ว่า ธนาคารกรุงไทยจะต้องกลับไปเร่งขยายแนวทางการให้บริการไปยังประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ทั้งประเทศในลักษณะเดียวกับผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้สามารถรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลได้ทันที อีกทั้งควรต้องเข้าไปเป็นฐานการให้บริการทางการเงินที่สำคัญในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยจะต้องเป็นการทำงานในเชิงรุก และรวดเร็ว รวมไปถึงบริการสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องมีออกมาให้สอดคล้องตามความต้องการและใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงอีกด้วย

อีกภารกิจสำคัญของธนาคารกรุงไทยในอนาคต คือ การซ่อมจุดอ่อน โดยเฉพาะนโยบายที่ล้าสมัยไม่ทันเหตุการณ์ เพราะปัจจุบันวงการธนาคารต้องปรับตัว เนื่องจากธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงสูง ดังนั้นกรุงไทยก็ต้องปรับตัวให้เร็ว ทันเหตุการณ์ ทันเทคโนโลยี วิวัฒนาการทางการเงินใหม่ ๆ เช่น บล็อกเชน รวมถึงธุรกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ด้วย

นอกจากนี้ ยังต้องมีการเสริมแกร่งด้วยการช่วยสร้างฐานอนาคตให้สอดรับกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ เช่น กรณีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ต้องไม่ใช่แค่การปล่อยสินเชื่อให้เท่านั้น แต่ต้องเข้าไปพัฒนาระบบ เสริมการเรียนรู้ให้ผู้ประกอบการ พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งตรงนี้ธนาคารกรุงไทยมีความเมหาะสมที่จะช่วยรัฐบาลในการเสริมสร้างในส่วนนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง

"ไม่ใช่แค่การช่วยให้เอสเอ็มอีเกิดแล้วจบ แต่ต้องเข้าไปต่อยอด เช่น หาพาร์ทเนอร์ สร้างนวัตกรรม ช่วยเหลือให้คำปรึกษาด้านการเงิน ต้องดูช่วยให้เค้าอยู่ได้ ไปให้ถึงจุดที่สามารถทำธุรกิจที่มากกว่าการให้สินเชื่อ" นายสมคิด กล่าว

ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยได้ร่วมมือกับกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ในการดำเนินโครงการสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรผู้มีรายได้น้อย (บัตรคนจน) ซึ่งธนาคารกรุงไทยทำหน้าที่ได้ดีด้วยการนำเทคโนโลยีที่มีอยู่ออกมาใช้ และนำไปสู่ความร่วมมือในมุมต่าง ๆ ซึ่งหลังจากนี้ธนาคารกรุงไทยจะต้องกลับไปเร่งขยายแนวทางการให้บริการไปยังประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ทั้งประเทศในลักษณะเดียวกับผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้สามารถรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลได้ทันที

"บัตรคนจนเฟสแรกดำเนินการไปแล้ว และตอนนี้กำลังดำเนินการเฟสที่ 2 อยู่ โดยกรุงไทยต้องทำมากกว่านี้ คือการขยายให้ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ทั้งประเทศสามารถรับสวัสดิการจากภาครัฐ เพื่อให้เมื่อรัฐบาลมีการปล่อยงบประมาณ หรือการช่วยเหลือต่าง ๆ ลงมา ประชาชนกลุ่มเป้าหมายจะสามารถรับความช่วยเหลือได้โดยตรง เป็นการป้องกันการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้อีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือถึงแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน" นายสมคิด กล่าว

พร้อมระบุว่า การทำงานของธนาคารกรุงไทยในช่วงที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่ากำไรจะปรับลดลงไปบ้าง จากปัญหาของลูกค้าบางราย แต่ยืนยันว่ากำไรแม้จะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ใช่สำคัญที่สุด เพราะเป้าหมายสำคัญที่สุด คือการช่วยเหลืองานของรัฐบาลให้เดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ KTB ได้เปิดตัวบัตร Krungthai Travel Card ที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในอัตราพิเศษกว่าอัตราในท้องตลาด ผ่านแอพพลิเคชั่น "เป๋าตัง" เบื้องต้นสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินได้ถึง 7 สกุล ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร, ปอนด์, เยน, ดอลลาร์ฮ่องกง, ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริการที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศประมาณ 7 ล้านคนต่อปี และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 7 พันบาทต่อคนต่อปี รวมทั้งยังเป็นการตอบสนองนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาลในการส่งเสริมให้เกิดสังคมไร้เงินสดที่ไม่จำกัดเฉพาะในประเทศ แต่ยังขยายไปยังต่างประเทศอีกด้วย โดยบัตรดังกล่าวจะเปิดให้บริการในต้นเดือน เม.ย.นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ