(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-ซึมตัว, หวั่นเผชิญแรงขายทำกำไรก่อนการประชุมเฟด-กังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 19, 2018 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์-ออกซึม ๆ เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างติดลบกันทั่วหน้า คาดว่าจะเป็นเพราะไปโฟกัสในการรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ ซึ่งตลาดก็เข้าใจว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพียงแต่ต่างรอดูว่าจะพูดการปรับคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ เพราะมีจะมีผลต่อ Fund Flow บ้าง ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูเหตุการณ์ก่อน ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นขึ้น

นอกจากนี้ ยังกังวลถึงสงครามการค้า เพราะประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าในสัปดาห์นี้จะมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีนำเข้าสินค้าพวกเทคโนโลยี โทรคมนาคม ซึ่งมีผลกระทบต่อจีน นักลงทุนกลัวว่าจีนจะมีการตอบโต้หรือไม่ จึงได้มีแรงขายทำกำไรออกมาก่อน ขณะที่บ้านเราไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไร ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดทำให้เงินบาทอ่อนค่า ก็น่าจะเป็นผลดีต่อไทย

พร้อมให้แนวรับ 1,805 จุด ส่วนแนวต้าน 1,818 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,946.51 จุด เพิ่มขึ้น 72.85 จุด (+0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,752.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.68 จุด (+0.17%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,481.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.25 จุด (+0.00%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 138.61 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.95 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 131.50 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 22.89 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.98 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.53 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 มี.ค.61) 1,811.76 จุด ลดลง 4.32 จุด (-0.24%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,450.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 มี.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 62.34
ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 มี.ค.61) ที่ 7.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.24 คาดแกว่งในกรอบ 31.20-31.30 ตลาดจับตาการประชุมเฟดสัปดาห์นี้
  • ขณะนี้ราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานยังอยู่ในระดับทรงตัว โดยมีราคาประมาณ 17-18 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีกเคลื่อนไหวในระดับ 21-21.50 บาท/กิโลกรัม โดยพบว่าหลังรัฐบาลลอยตัวราคาน้ำตาลทรายตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2560 ทำให้ราคาขายปลีกมีการแข่งขันมากขึ้น
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% จากระดับ 1.25-1.50% เป็น 1.50-1.75% ในการประชุมรอบที่สองของปีนี้ ในวันที่ 20-21 มีนาคม 2561 ทั้งนี้ ท่ามกลางปัจจัยที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวในระดับสูงกว่าระดับศักยภาพ โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่อัตราว่างงานมีโอกาสที่จะลดลงทำสถิติต่ำที่สุดในรอบกว่า 5 ทศวรรษ คงเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวร้อนแรงเกินไป ขณะที่พัฒนาการของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างทรงตัวบ่งชี้ว่าเฟดยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งจังหวะของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน ช่วงนี้
  • "พาณิชย์" งัด พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าฉบับใหม่ จัดการล้งผลไม้เอาเปรียบ หลังพบกดราคารับซื้อ หรือขอซื้อแบบเหมาสวม แต่ทิ้งสัญญา เตรียมตรวจสอบ หากพบผิดจริงฟันทันที ปรับ 10% ของมูลค่ายอดขายหรือจำคุก 2 ปี ส่วนการระบายผลไม้ เตรียมลงนาม MOU กับห้าง รับซื้อผลไม้ 5 หมื่นตัน มูลค่า 2.5 พันล้านบาท เพื่อช่วยระบายผลผลิตช่วงออกสู่ตลาดมาก
  • การจัดตั้งกองทุนรวม โครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ทีเอฟเอฟ) หรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ ฟันด์ วงเงิน 1 แสนล้านบาท ในส่วนของการระดมทุน 4.4 หมื่นล้านบาท จะไม่ล่าช้าไปกว่ากลางปีนี้ หลังจากที่ต้องเลื่อนมาหลายครั้งตั้งแต่ปลายปี 2560 เนื่องจากสหภาพแรงงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ไปยื่นฟ้องศาลปกครองกลางให้พิจารณายกเลิกจัดตั้งกองทุนทีเอฟเอฟ
  • การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เตรียมปรับโฉมศูนย์เอสเอ็มอี ไอทีซี ในพื้นที่ 10 นิคมอุตสาหกรรมใหม่ ให้ทันสมัยเช่นเดียวกับสถาบันวิจัยเทคโนโลยี เพื่ออุตสาหกรรมแห่งมหานครโตเกียว หรือทีริ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อช่วยพัฒนาเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพของไทย ให้มีความรู้ ความสามารถ สร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ มารองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมใหม่ในอนาคตได้ โดยจะใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ภายในเดือน ส.ค.นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 264 บาท คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้ จะเติบโต Y-Y ทุกไตรมาส จากแรงกดดันของการตั้งสำรองที่ลดลง โดยเฉพาะ Credit cost ที่จะต่ำสุดในรอบ 3 ปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคุณภาพหนี้ที่แข็งแกร่งขึ้น โดยคาดกำไรสุทธิทั้งปีที่ 4.08 หมื่นล้านบาท +19% Y-Y ด้านราคาหุ้นปรับตัวลง 4% YTD สวนทาง Bank Index ที่ขึ้น 0.4% YTD ขณะที่ ยอด Short Sales เฉลี่ยต่อวัน มี.ค. 61 ลดลงชัดเจน โดยคิดเป็นเพียง 33% ของค่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ 109 ลบ.
  • TACC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6 บาท บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 10% Y-Y โดยจะเริ่มวางขายเครื่องดื่มโถกดสูตรใหม่น้ำตาลน้อยใน 7-11 ตั้งแต่ Q2/61 และจะวางขายเครื่องดื่มช็อคโกแลต Hershey’s เป็นโถกดถาวรด้วย รวมถึงการที่บริษัทได้รับ License ให้เป็นตัวแทนให้สิทธิ์ใช้ตัวการ์ตูน Rilakkuma ครอบคลุม 7 ประเทศ เป็นระยะเวลา 4 ปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ Q2/61 คาดว่าการโตของธุรกิจในประเทศจะช่วยชดเชยการแผ่วลงของธุรกิจในกัมพูชาได้ทั้งหมด ส่วนตลาดจีนยังติดปัญหาบางส่วน ทำให้การรับรู้รายได้ล่าช้าออกไป จึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ +11% Y-Y อยู่ที่ 125 ล้านบาท ระยะสั้นคาดกำไร Q1/61 ไม่สดใส แต่จะกลับมาโตดีตั้งแต่ Q2/61
  • SCC (ยูโอบี เคย์เฮียน) ราคาหุ้นซื้อขายไม่แพงด้วย PER 10.68x ราคาหุ้นที่ Underperform ในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนแนวโน้มที่ผลการดำเนินงานจะถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นไปในระกับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ทำให้หุ้นกลายเป็น Laggard play และอาจเป็นเป้าหมาย switching ของนักลงทุนสถาบัน โดยคาดปันผล 10.50 บาท/หุ้น XD 4 เม.ย.61 จะช่วยค้ำยันราคาหุ้นได้
  • SAWAD (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 71 บาท ปี 61 คาดกำไรโต 38.4%YoY จากฐานลูกหนี้ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากดีมานด์ที่มีอยู่มากและแผนขยายสาขาอีก 300 สาขา บวกกับ NIM คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง Q4/60 รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานคาดลดลง หลังพ้นช่วงปรับโครงสร้างเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน + ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 8%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ