โกลเบล็ก มอง SET สัปดาห์นี้อ่อนตัวรับความกังวลปัจจัยตปท.เป็นหลัก พร้อมจับตาทองหลุด 1,300 ดอลลาร์เป็นจังหวะซื้อกลับ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 20, 2018 11:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้เริ่มมีความกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐมากขึ้น หลังสหรัฐผ่านกฏหมาย Taiwan Travel Act ที่เปิดทางให้สหรัฐสามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปยังไต้หวัน และเจ้าหน้าที่ไต้หวันเดินทางมาพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้ ซึ่งอาจเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน เนื่องจากถือเป็นการละเมิดนโยบายจีนเดียว และละเมิดต่อแถลงการณ์ร่วมที่จีนและสหรัฐเคยประกาศร่วมกันก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่ากังวลว่าสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอาจลุกลามจากการที่สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศโทรคมนาคม และสินค้าเพื่อผู้บริโภคจากจีนเพื่อตอบโต้การค้าที่สหรัฐมองว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจากในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาสหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนเพิ่มขึ้น 16.7% สู่ระดับ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย.58 ขณะที่การส่งออกสินค้าสหรัฐไปยังจีนลดลง 28.1% นำเข้าเพิ่มขึ้น 2.9%

นอกจากนี้ การคาดการณ์ว่าที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในเดือน มี.ค.นี้ โดยเครื่องมือ Fed Watch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็นครั้งแรกในปีนี้ และเม็ดเงินการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติยังมีความผันผวนต่อเนื่อง โดยในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท

ส่วนปัจจัยบวกที่น่าสนใจ คือ การประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนก.พ. ของกลุ่มประเทศยูโรโซนชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.1%เมื่อเทียบรายปี ทำให้แรงกดดันในการถอนมาตรการ QE ของธนาคารยุโรป (ECB) ลดลง และคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบนี้ ส่วนราคาน้ำมันทรงตัวที่ระดับสูงส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน

ขณะที่ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาในวันที่ 20-21 มี.ค.กำหนดการประชุมเฟด และวันที่ 22 มี.ค.สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 61 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท และในวันเดียวกันสหภาพยุโรป (อียู) จะเปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ(PMI) ภาคการผลิตและภาคการบริการเบื้องต้นเดือน มี.ค. ด้านธนาคารกลางอังกฤษมีกำหนดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคการบริการเบื้องต้นเดือน มี.ค. ขณะที่วันที่ 23 มี.ค.จับตาชัตดาวน์สหรัฐ

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยในรอบสัปดาห์คาดว่าจะมีทิศทางอ่อนตัวลงได้ และคงต้องจับตาว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามตลาดคาดหรือไม่ โดยดัชนี SET น่าจะผันผวนในกรอบ 1,775 -1,825 จุด แนะนำ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้นที่มีปัจจัยบวก เช่น หุ้น TOP, M, BCPG ได้อานิสงส์จากการเข้าคำนวณ FTSE แต่ยัง laggard

รองลงมาหุ้น CPF, GFPT, TFG ได้ประโยชน์จากการที่จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย และหุ้น ERW ได้ประโยชน์จากการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง และแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นโดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากโรงแรมในไทย และลูกค้าหลักได้แก่ลูกค้าคนไทยและลูกค้าชาวจีน

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ทิศทางราคาทองในสัปดาห์นี้ยังคงกังวลว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.50% เป็น 1.75% โดยแถลงการณ์หลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ของประธานคนใหม่จะช่วยยืนยันความเร็วในการปรับดอกเบี้ยครั้งต่อไปได้ หลังจากที่เคยกล่าวกับที่ประชุมสภาคองเกรสมาก่อนหน้านี้ว่าจะยังคงปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (bond yield) จะปรับขึ้นแค่ช่วงสั้น เช่นเดียวกับค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มจะรีบาวน์ขึ้นแข็งค่ามากกว่าจะกลับทิศทางเป็นแข็งค่าในระยะยาว ทำให้ราคาทองคำมีโอกาสจะหลุดกรอบรูป descending triangle ได้ในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ มุมมองทางเทคนิคหากราคาหลุด 1,300 ดอลลาร์ และคาดว่าจะลงไปทดสอบบริเวณ 1,260 ดอลลาร์ แต่ถ้าราคายืนไม่หลุด 1,300 ดอลลาร์ คาดว่าการแกว่งตัวจะเป็นแบบ sideway ไปอีกสักระยะ จึงแนะนำลยุทธ์เล่นสั้นให้รอจังหวะ follow short เมื่อราคาหลุดระดับ 1,300 ดอลลาร์ หรือ trading long เมื่อราคาอยู่เหนือระดับ 1,325 ดอลลาร์ ส่วนพอร์ตระยะกลางถึงยาวเริ่มทยอยรับเมื่อราคาร่วงลงมาที่ระดบ 1,260 ดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ