MBKET คงเป้า SET Index ปีนี้ 1,870 จุด มองผันผวนมากจากปัจจัยตปท.-เลือกตั้งยังไม่ชัดเจน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 22, 2018 11:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยว่า ปี 61 บล.กิมเอ็งฯ ยังคงมองเป้าหมายดัชนี SET INDEX ที่ 1,870 จุด เมื่อเทียบ P/E ย้อนหลัง 5 ปี จากทิศทางตลาดสดใสและปรับตัวเด่นกว่าภูมิภาค โดยเห็นสัญญาณค่อย ๆ ฟื้นตัว ประกอบกับการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้การปรับตัวขึ้นมี Upside จำกัด นักลงทุนยังต้องมีความระมัดระวังในการเข้าลงทุน โดยคาดว่าหุ้นขนาดใหญ่ หรือ หุ้นบิ๊กแคป จะเป็นตัวขับเคลื่อนดัชนีฯเป็นหลัก ส่วนหุ้นกลุ่มกลาง-เล็กจะมีส่วนช่วยในระยะสั้น ประกอบกับหากรัฐบาลมีความชัดเจนในการเลือกตั้งจะทำให้มีสภาพคล่องจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามามากขึ้น

จากปีก่อนที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวขึ้นกว่า 200 จุด จากกลุ่มบิ๊กแคปปรับตัวขึ้นนำตลาดเป็นกระจุก ขณะที่ในไตรมาสที่ 4/61 บริษัทจดทะเบียนในตลาด mai มีการรายงานผลประกอบการผิดคาดอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนมายังปี 61 ว่ากลุ่มหุ้นใหญ่ยังมี performance ที่ดี ในขณะที่กลุ่มหุ้นเล็กยัง Underperform

โดยในครึ่งปีแรกตลาดฯยังคงมีโมเมนตัมที่ดี ส่วนครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยกังวลต้องติดตาม อาทิ ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศ การเมือง และปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าปีนี้ตลาดฯจะมีความผันผวนมากกว่าปีก่อนที่มีส่วนต่างดัชนีสูงสุดและต่ำสุดค่อนข้างแคบราว 15% ซึ่งโดยปกติจะมีส่วนต่างดัชนีสูงสุดและต่ำสุดที่ 25%

นอกจากนี้ยังแนะให้ติดตามปัจจัยต่างประเทศที่มีโอกาสทำให้ตลาดหุ้นผันผวน โดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐ จากการรายงานขาดดุลการค้าเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาสูงที่สุดในรอบ 9 ปี ขณะที่จีน รายงานการส่งออกเติบโตกว่า 40% โดยคาดว่ามาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐจะเริ่มจากสินค้ากลุ่มเหล็กและอลูมิเนียม สินค้าโภคภัณฑ์ อาหาร และยานยนต์เป็นต้นในไตรมาสที่ 2/61

ขณะเดียวกัน ปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามการประกาศจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการส่งร่างกฏหมายที่มาของสว.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งถ้ามีการวิเคราะห์เฉพาะบางบทอาจมีโอกาสเลือกตั้งได้ตาม Road map ที่รัฐบาลวางไว้ในเดือน ก.พ.62 แต่หากมีการวิเคราะห์ใหม่ทั้งหมดอาจกระทบต่อการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในธีม "Event Play" คือลงทุนตามเหตุการณ์ โดยยังต้องติดตาม การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) การประมูลคลื่นความถี่ในธุรกิจโทรคมนาคมรอบใหม่ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ภาวะเงินเฟ้อ และการเมืองในประเทศ

"ยังต้องติดตามผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐหากปรับตัวขึ้นอยู่ในระดับ 3% จะเป็นสัญญาณความผันผวนระลอกแรก ส่วนอัตราดอกเบี้ยสหรัฐหากขึ้นไปถึง 2% จะมีโอกาสทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวน" นักวิเคราะห์ฯ กล่าว

ทั้งนี้ ยังแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ได้แก่ PTT, IRPC, PTTGC, IVL กลุ่มโรงพยาบาลใหญ่ กลุ่มICT และกลุ่มโลจิสติกส์ ได้แก่ PORT, PRM, WICE


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ