NWR หวังปีนี้พลิกเป็นกำไรสุทธิจากบันทึกรายการพิเศษคดีคลองด่าน,คาดรายได้ทรงตัวเหตุงานภาครัฐยังน้อย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 22, 2018 13:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปสันน์ สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) คาดว่า ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ จากปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 202.81 ล้านบาท โดยในปีนี้มีแนวโน้มจะได้เงินชดเชยโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่านทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ของกิจการร่วมค้า NVPSKG รวมมูลค่าราว 1 พันล้านบาท ซึ่งน่าส่งผลให้บริษัทจะมีการบันทึกกำไรพิเศษเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามยังต้องรอคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ ซึ่งจะเป็นศาลสุดท้ายที่จะมีการพิจารณาคดีดังกล่าว

"เรามองว่าปีนี้น่าจะมีโอกาสในการพลิกกลับมามีกำไร จากการบันทึกกำไรพิเศษเข้ามา ซึ่งเราคาดว่าคดีน่าจะชนะ หลังจากชนะมาทั้ง 2 ศาลแล้ว และเราก็อยู่ระหว่างติดตามงานก่อสร้างต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในต่างประเทศก็จะมีงานธนาคาร ที่เราคาดว่าจะสามารถเข้าไปรับงานได้ในปีนี้ รวมถึงเรายังมีการรับรู้ยอดโอนเข้ามาอีกด้วย"

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/61 แต่อาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทฯ ยังคงนโนบายเข้าไปรับงานที่มีมาร์จิ้นสูง และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะอยู่ที่ 6-8% จากปีก่อนอยู่ที่ 6.62% เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงมีการแข่งขันสูง จากงานภาครัฐที่มีออกมาค่อนข้างน้อย แต่คาดว่าในไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป ภาพการแข่งขันน่าจะเบาบางลงได้ จากงานโครงการต่างๆ ที่เป็นงานโครงการขนาดใหญ่จะมีออกมาค่อนข้างมาก ขณะที่จำนวนผู้รับเหมาไม่มาก

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 9.34 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท จะสามารถทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 50% และยังอยู่ระหว่างติดตามงานใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมอีก โดยตั้งเป้ามีงานในมือ 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นเข้าประมูลงานภาครัฐเป็นหลัก โดยคาดว่าภาครัฐน่าจะมีการเปิดประมูลโครงการ ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป และจะมีการเข้าไปรับงานภาคเอกชนมากขึ้นด้วยเพื่อลดความเสี่ยงของงานภาครัฐที่ยังคงออกมาน้อย

ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากงานภาครัฐ 90% และภาคเอกชน 10% และแบ่งเป็นประเภทงานจะมีสัดส่วนรายได้มาจากงานรับเหมาก่อสร้าง 85%, ผลิตภัณฑ์คอนกรีตและเหล็ก 5% และอสังหาริมทรัพย์ 10%

นายปสันน์ กล่าวถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าปีนี้รายได้น่าจะทำได้ 700-1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของรายได้รวม จากปัจจุบันที่มียอดขายรอโอนอยู่ที่ 4-5 พันล้านบาท และยังมีโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขาย มูลค่ารวม 3 พันล้านบาท โดยปีนี้บริษัทฯ ยังไม่มีแผนพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มเติม แต่อยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม

ส่วนธุรกิจอาหาร ยังคงมีสัดส่วนรายได้ที่น้อย หรือคิดเป็นเพียง 1% เท่านั้น ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาขยายสาขาร้านอาหารไปยังต่างประเทศเพิ่มเติม โดยมีความสนใจที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งคาดว่าในอนาคตธุรกิจอาหารน่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ